นายมิเชล เตเมร์ ประธานาธิบดีบราซิลได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรมและพัวพันสิ่งผิดกฎหมาย โดยนายโรดริโก จาน็อต อัยการสูงสุดเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาล
รายงานระบุว่า นายเตเมร์ถูกตั้งข้อหาว่าร่วมมือกับนักการเมืองอีก 6 คน กระทำในสิ่งที่ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม คาดว่านายเตเมร์จะได้รับความช่วยเหลือจากสภาคองเกรสเพื่อหลีกเลี่ยงการพิจารณาคดีในศาล
การตั้งข้อกล่าวหาต่อประธานาธิบดีบราซิลในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นายเตเมร์ถูกตั้งข้อหาคดีทุจริต หลังจากศาลฎีกาของบราซิลได้เผยแพร่เทปบันทึกคำสนทนาระหว่างนายเตเมร์ และนายโฮสลีย์ บาติสตา เจ้าของบริษัท JBS ผู้ผลิตเนื้อรายใหญ่ของบราซิล โดยทั้งสองได้พูดคุยกันเกี่ยวกับการติดสินบนด้วยการจ่ายเงินให้กับนายเออดูร์โด คันฮา อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่ได้นำไปสู่การพิจารณาคดี เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแล้วเห็นว่านายเตเมร์ไม่ได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ ตามกฎหมายของบราซิล ข้อกล่าวหาในคดีอาญาจะต้องผ่านการพิจารณาคดีจากศาลฎีกา ก่อนถูกส่งให้สภาผู้แทนราษฎรตัดสินเป็นลำดับต่อไป
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือบราซิล จากระดับ "มีเสถียรภาพ" ลงสู่ระดับ "เชิงลบ" และคงอันดับความน่าเชื่อถือของบราซิลที่ Ba2 โดยนักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ ระบุว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองของบราซิลมีความเสี่ยงที่จะยืดเยื้อ ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า