ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ทางเลือกที่สหรัฐจะนำมาใช้เพื่อรับมือกับการคุกคามของเกาหลีเหนือนั้น จะมีประสิทธิภาพ และมีอานุภาพที่รุนแรง
ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความเห็นดังกล่าวในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีแห่งการก่อตั้งกองทัพอากาศสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยทรัมป์กล่าวว่า การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุของเกาหลีเหนือ นอกจากจะทำให้สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดแล้ว ยังถือเป็นการหมิ่นประมาทประเทศเพื่อนบ้านและประชาคมโลก
"หลังจากที่ผมได้เห็นศักยภาพและความมุ่งมั่นของกองทัพอากาศสหรัฐในเวลานี้ ทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นว่า ทางเลือกต่างๆที่สหรัฐจะนำมาใช้เพื่อรับมือกับการคุมคามของเกาหลีเหนือนั้น มีทั้งประสิทธิภาพ และอานุภาพที่รุนแรง" ทรัมป์กล่าว พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่า สหรัฐจะปกป้องตนเองจากการคุกคามในทุกรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการคุกคามจากเกาหลีเหนือ
ถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์มีขึ้นหลังจากเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางจากกรุงเปียงยาง ข้ามเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น และตกลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิค เมื่อเวลาประมาณ 07.16 น.ตามเวลาท้องถิ่นเมื่อวานนี้ โดยขีปนาวุธลูกนี้ไต่ระดับที่ความสูง 770 กิโลเมตรจากพื้นดิน และมีพิสัยในการบินอยู่ที่ 3,700 กิโลเมตร นับเป็นระยะที่ไกลที่สุด และเป็นพิสัยไกลพอที่จะยิงถึงเกาะกวม
ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้ออกแถลงการณ์ประณามเกาหลีเหนือที่ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางเมื่อวานนี้ พร้อมกับแสดงความมุ่งมั่นที่จะคลี่คลายวิกฤตคาบสมุทรเกาหลีด้วยวิธีการทูต การเมือง และสันติภาพ
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก UNSC ได้จัดการประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยสมาชิก 15 ชาติของ UNSC ได้เรียกร้องให้สมาชิกทุกประเทศดำเนินการตามมติครั้งล่าสุดของ UNSC หรือ "Resolution 2375" อย่างเต็มรูปแบบและทันที โดยมติดังกล่าวได้กำหนดบทลงโทษเกาหลีเหนือด้วยการลดการส่งออกน้ำมันให้กับเกาหลีเหนือ และห้ามนำเข้าสินค้าสิ่งทอของเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงที่เกาหลีเหนือใช้ในการสนับสนุนโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ