รัฐบาลเวเนซูเอลาได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์มาตรการสั่งห้ามพลเรือนจาก 8 ประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวานนี้ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐยอมเปิดการเจรจาเพื่อยุติปัญหาดังกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แถลงการณ์จากรัฐบาลเวเนซูเอลา ระบุว่า "เวเนซูเอลาขอปฏิเสธการตัดสินใจที่ไร้เหตุผลของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งมองว่า พลเมืองของเวเนซูลาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ ... ดังที่สหรัฐกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย"
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษให้ขยายกรอบมาตรการห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐของพลเมืองเพิ่มอีก 3 ประเทศ ได้แก่ เกาหลีเหนือ เวเนซูเอลา และชาด พร้อมกับขยายเวลาบังคับใช้มาตรการแบนพลเมืองจาก 5 ชาติมุสลิม ได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย และเยเมน โดยกฤษฎีกาฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้กับพลเมืองจากทั้งหมด 8 ประเทศ ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค.นี้
นายจอร์จ อาเรียซา รมว.กระทรวงต่างประเทศเวเนซูเอลา กล่าวว่า เวเนซูเอลาหวังว่า จะได้มีโอกาสเจรจากับสหรัฐ แต่กลับได้รับแต่เพียง "คำโจมตี" กลับมาเท่านั้น
"ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซูเอลา พร้อมที่จะหารือกับปธน.ทรัมป์และผู้นำชาติอื่นๆอยู่เสมอ ด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน" นายอาเรียซากล่าว