นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เดินหน้าปฏิบัติการ เพื่อยุติโศกนาฏกรรมในรัฐยะไข่ของเมียนมา
เลขาฯยูเอ็น กล่าวว่า "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อปกป้องประชาชน บรรเทาความเจ็บปวด ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไร้ซึ่งเสถียรภาพ แก้ไขต้นตอของสถานการณ์ และแสวงหาแนวทางแก้ไขอย่างยั่งยืน"
นายกูเตอร์เรส กล่าวขณะร่วมประชุมกับสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง 15 ประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ว่า "ผมขอเรียกร้องให้คณะมนตรีร่วมมือกันและสนับสนุนความพยายามของเราในการยุติโศกนาฏกรรมนี้อย่างเร่งด่วน"
นายกูเตอร์เรสระบุว่า วิกฤติการณ์ดังกล่าวเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เหตุการณ์วันที่ 25 ส.ค. ที่กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา (ARSA) เข้าโจมตีกองกำลังรักษาความมั่นคงเมียนมา "นับตั้งแต่วันนั้น สถานการณ์ก็เลวร้ายและนำไปสู่จำนวนผู้อพยพที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในโลก ซึ่งถือเป็นฝันร้ายของการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน" เขากล่าว
ประชาชนอย่างน้อย 500,000 รายได้เดินทางออกจากที่พักอาศัยของตนเอง เพื่อเสาะแสวงหาความปลอดภัยในประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังคลาเทศ ซึ่งแม้จะยังไม่มีรายงานยอดรวม แต่ก็คาดการณ์ได้ว่าผู้อพยพในพื้นที่ดังกล่าวเท่ากับ 94% ของชาวโรฮิงญาทั้งหมด ซึ่งพวกเขาคือชนกลุ่มน้อยที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและอาศัยอยู่ในเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
ทั้งนี้ เลขาธิการยังได้เรียกร้องให้หน่วยงานของเมียนมาปฏิบัติการ 3 ขั้นตอนในทันที ได้แก่ การยุติปฏิบัติการทางทหาร การอนุญาตให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่อย่างอิสระ และการรับรองในเรื่องความปลอดภัย ความสมัครใจ และการส่งผู้อพยพคืนสู่ถิ่นกำเนิดของตนอย่างยั่งยืน