นายจิม แมตทิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการด้านกลาโหมของสภาคองเกรสสหรัฐได้อนุมัติการจัดสรรงบประมาณกว่า 400 ล้านดอลลาร์จากบัญชีงบเหลือจ่ายของกระทรวงกลาโหมในปีงบประมาณ 2017 ไปให้กับโครงการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธ เพื่อจัดหาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธภาคพื้นและระบบเซ็นเซอร์เพิ่มเติม รวมถึงอัปเกรดระบบอำนวยการรบให้กับกองเรือรบของสหรัฐ
สื่อสหรัฐรายงานว่า เพนตากอนได้ยื่นหนังสือคำร้องต่อรัฐสภาเพื่อขอเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 416 ล้านดอลลาร์ จากบัญชีงบเหลือจ่ายทั้งสิ้น 440 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบด้วยงบเหลือใช้ของกองทัพบกสำหรับปฏิบัติการในยามเผชิญศึกสงคราม และงบซ่อมบำรุงต่างๆ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่กองทัพสหรัฐต้องการยกระดับการป้องกันขีปนาวุธ หลังจากที่เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) และระเบิดไฮโดรเจน นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังประกาศด้วยว่า เทคโนโลยีขีปนาวุธของตนมีความล้ำหน้าและสามารถโจมตีเป้าหมายในสหรัฐด้วยหัวรบนิวเคลียร์ได้อย่างแม่นยำ
สำหรับบริษัทด้านยุทโธปกรณ์และอวกาศชั้นนำของสหรัฐที่ได้ประโยชน์จากการที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้แก่โครงการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธครั้งนี้ ประกอบด้วย โบอิ้ง เรย์เธียน และออร์บิทัล ซึ่งเป็นผู้จัดหาระบบขีปนาวุธหลักให้กับกองทัพสหรัฐ โดยเรย์เธียนจะได้รับงบประมาณเพิ่มจำนวน 16 ล้านดอลลาร์ ในสัญญาบำรุงรักษาระบบเรดาร์ "Cobra Dane" ซึ่งใช้ในการตรวจจับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ