ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้หารือทางโทรศัพท์กับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เกี่ยวกับแนวทางต่างๆที่จะขัดขวางอิหร่านไม่ให้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
ทำเนียบขาวระบุว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการร่วมมือกัน เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านกระทำการใดๆที่เป็นการบั่นทอนความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสนับสนุนการก่อการร้ายและการพัฒนาขีปนาวุธซึ่งถือเป็นภัยคุกคาม"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ปธน.ทรัมป์มีกำหนดให้การยืนยันกับสภาคองเกรสว่า อิหร่านได้ทำตามข้อตกลงดังกล่าวหรือไม่ โดยยึดผลประโยชน์ของสหรัฐเป็นสำคัญ ซึ่งถ้าหากปธน.ทรัมป์พิจารณาแล้วว่า อิหร่านละเมิดข้อตกลง ก็อาจเปิดทางให้สหรัฐสามารถสั่งคว่ำบาตรอิหร่านได้อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้ข้อตกลงต่างๆสิ้นสุดลงด้วย
ทางด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า ทรัมป์จะไม่ลงนามรับรองข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ข้อตกลงดังกล่าวล้มเหลวในท้ายที่สุด
ทั้งนี้ อิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐ อังกฤษ จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส และเยอรมนี (หรือที่รู้จักกันในนามกลุ่ม P5+1) ได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ร่วมกันเมื่อเดือนก.ค. 2558 ส่งผลให้โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกควบคุมเข้มงวดยิ่งขึ้น แลกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน แต่ปธน.ทรัมป์ ก็ได้วิพากษ์วิจารย์ข้อตกลงดังกล่าวมาโดยตลอด