การประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 19 หรือ “สมัชชาฯ 19" เริ่มขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อเช้าวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวรายงานต่อที่ประชุมในฐานะผู้แทนคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 และวางแผนการทำงานเพี่อการพัฒนาในอนาคตของจีน
ผู้แทนในที่ประชุมสมัชชาฯ 19 มีจำนวนกว่า 2,000 คน ซึ่งถูกคัดเลือกจากสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศกว่า 89 ล้านคน โดยจะพิจารณาตรวจสอบรายงานของนายสี จิ้นผิง และรายงานการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตรวจวินัยของคณะกรรมการกลางพรรคฯ พิจารณาระเบียบข้อบังคับของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (ฉบับแก้ไขปรับปรุง) รวมถึงเลือกตั้งคณะกรรมการกลางพรรคฯ และคณะกรรมการตรวจวินัยชุดใหม่
พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคที่บริหารปกครองประเทศจีน และเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคฯ ทั่วประเทศที่จัดขึ้นทุก 5 ปีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการประชุมผู้แทนพรรคระดับชาติ และคณะกรรมการกลางพรรคฯ อันเป็นหน่วยงานการนำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
นายสี จิ้นผิง ระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า พรรคคอมมิวนิสต์จีนยืนหยัดแนวคิดใหม่ในการพัฒนาของตน และปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนา ทำให้เศรษฐกิจจีนพ้นจากความยากลำบากและประสบผลสำเร็จที่สำคัญหลายประการ จีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านล้านหยวน ซึ่งนับเป็นคุณูปการต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวตามสูงขึ้นกว่า 30% นอกจากนี้โครงสร้างทางเศรษฐกิจยังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ อุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัลมีการพัฒนาอย่างคึกคัก การพัฒนาเกษตรกรรมพัฒนาก็ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง การสร้างสรรค์ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative) ประสบผลสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด และมีการเปิดตัวผลงานทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเด่นๆ มากมาย อาทิ ห้องทดลองอวกาศ "เทียนกง" ยานดำน้ำสำรวจทะเลลึกพร้อมมนุษย์ "เจียวหลง" กล้องโทรทรรศน์วิทยุฟาสต์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จนได้สมญานามว่า "ดวงตาแห่งจักรวาล" ดาวเทียม "อู้คง" ที่ค้นหาอนุภาคของสสารมืด ดาวเทียมทดลองควอนตัม "โม่จื่อ" ดวงแรกของโลก การผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ และการก่อสร้างตามแนวหินโสโครกในทะเลจีนใต้ นอกจากนี้ การค้าต่างประเทศ การลงทุนในต่างประเทศ และการสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนล้วนอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก
นายสี จิ้นผิง ระบุอีกว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนปฏิบัติตามแนวคิดการพัฒนาที่ยึดเอามนุษย์เป็นที่ตั้ง ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โครงการช่วยเหลือผู้ยากจนประสบผลสำเร็จอย่างน่ายินดี ทำให้ประชากรกว่า 60 ล้านคนพ้นขีดความยากจน เฉลี่ยแล้วมีประชากรพ้นจากความยากจนมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี จนอัตราความยากจนของจีนลดลงจาก 10.2% เป็นน้อยกว่า 4%
จีนเริ่มโครงการช่วยเหลือผู้ยากจนขนาดใหญ่ตั้งแต่ปี 2529 เป็นต้นมา แต่หลังเริ่มศตวรรษนี้เป็นต้นมา เฉลี่ยแล้วแต่ละปีจีนประชากรยากจนลดจำนวนลงกว่า 6 ล้านคน และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ลดลงปีละกว่า 10 ล้านคน นับเป็นผลงานโดดเด่นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การต่างประเทศของประเทศขนาดใหญ่ที่มีเอกลักษณ์อย่างจีนได้พัฒนาไปอย่างรอบด้าน ครบวงจร มีระดับที่หลากหลาย และเป็นแบบสามมิติ เข้าร่วมปฏิบัติตามข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" มีการเปิดธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) โดยมุ่งหวังให้เกิดประชาคมที่มีความสมานฉันท์ ขณะเดียวกันยังขยายอิทธิพล ชื่อเสียง และภาพพจน์ทางสากลของจีนให้ดียิ่งขึ้น นับได้ว่าเป็นการสร้างคุณูปการใหม่เพื่อสันติภาพและการพัฒนาของโลก
นายสี จิ้นผิง ยังกล่าวอีกว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนยืนหยัดแก้ปัญหาการควบคุมบริหารพรรคฯที่หย่อนยาน มุ่งหวังให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดอย่างจริงจัง และยึดมั่นแนวคิดของพรรคฯ โดยมีการปรับปรุงระบบกฎข้อบังคบของพรรคฯให้สมบูรณ์แบบอย่างต่อเนื่อง แก้ปัญหาที่ประชาชนส่งเสียงสะท้อนมา และสิ่งที่เป็นการคุกคามต่อพื้นฐานการบริหารประเทศของพรรคฯ มากที่สุดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังทุ่มเทกำลังและใช้มาตรการต่างๆ ในการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นอย่างเต็มที่ ทำให้พรรคฯ,uผลงานคืบหน้า.oด้านนี้อย่างมาก
นายสี จิ้นผิง ประกาศว่า หลังจากใช้ความพยายามเป็นเวลายาวนาน สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนย่างเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ นี่เป็นทิศทางและจุดยืนด้านการพัฒนาใหม่เป็นประวัติการณ์ของการพัฒนาประเทศ "หมายความว่า จีนบรรลุซึ่งการพัฒนาแบบก้าวกระโดดอันยิ่งใหญ่ หลังจากประชาชาติลุกขึ้นหยัดยืนสถาปนาประเทศเป็นต้นมา สร้างความมั่งคั่งจนเข้มแข็ง แม้จีนจะเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่ก็ได้ขยายช่องทางการพัฒนาสู่ความทันสมัยต่างๆ จนเกิดทางเลือกใหม่สำหรับประเทศและชนชาติที่ปรารถนาทั้งการพัฒนาและดำรงเอกราชของตนเองไว้ได้ พร้อมนำเสนอวิธีคิดและแผนปฏิบัติงานของจีนในการแก้ปัญหาของมนุษยชาติ"
นายสี จิ้นผิง ระบุว่า ยุคสมัยใหม่ของการพัฒนาสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีน เป็นยุคสมัยแห่งการช่วงชิงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เป็นยุคสมัยแห่งการสร้างสรรค์สังคมพอกินพอใช้ให้เสร็จสมบูรณ์อย่างรอบด้าน จนกระทั่งประเทศมีความเข้มแข็งที่ทันสมัยในแบบสังคมนิยม เป็นยุคสมัยที่ประชาชนจีนทั่วทั้งประเทศบรรลุความมั่งคั่งไปพร้อมๆ กัน เป็นยุคสมัยที่ความฝันของจีนเป็นที่ประจักษ์ และมีการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีน เป็นยุคสมัยที่จีนเดินเข้าไปยืนกลางเวทีโลกเพื่อสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นแก่มวลมนุษย์อย่างต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีสี ระบุอีกว่า ความขัดแย้งหลักๆในสังคมจีนยุคใหม่คือ ความต้องการที่จะดำรงชีวิตอย่างสุขสบายของประชาชนกับการพัฒนาที่ไม่สมดุล ซึ่งอีกไม่นาน จีนจะสร้างสังคมพอกินพอใช้อย่างรอบด้านให้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ได้ ประชาชนมีความต้องการชีวิตความเป็นอยู่ทั้งทางวัตถุและจิตใจที่มีระดับสูงขึ้น และต้องการประชาธิปไตย การปกครองตามกฎหมาย ความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม ความมั่นคง และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ปัญหาโดดเด่นของจีน คือ การพัฒนาไม่สมดุลและไม่เต็มที่ ซึ่งกลายเป็นปัจจัยจำกัดต่อความต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายของประชาชน สภาพความเป็นจริงในขณะนี้ของจีนอยู่ในช่วงขั้นตอนการพัฒนาสังคมนิยมขั้นแรกและยังมีหนทางอีกยาวไกล และสถานะในประชาคมโลกที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดของโลกนั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ประธานาธิบดีสี ระบุต่อว่า ตั้งแต่การประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 เป็นต้นมา ได้เกิดแนวคิดสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนในยุคใหม่ ซึ่งเป็นแนวคิดที่กำหนดทิศทางการปฏิบัติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประชาชนจีนในการบรรลุซึ่งความเจริญรุ่งเรืองอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน โดยจะต้องยืนหยัดและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
แนวคิดดังกล่าวมีการรับรู้และความเข้าใจต่อกฎเกณฑ์การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์ กฎเกณฑ์การสร้างสรรค์ของสังคมนิยม และกฎเกณฑ์การพัฒนาของสังคมมนุษย์ในวิสัยทัศน์ใหม่ โดยเสนอว่า บนพื้นฐานที่จะบรรลุสู่การเป็นสังคมพอกินพอใช้อย่างรอบด้านในปี 2563 นั้น จีนจะพัฒนาเป็นประเทศสังคมนิยมแบบประชาธิปไตยที่ทันสมัย เข้มแข็ง มั่งคั่ง กลมกลืน และสวยงาม ในช่วงกลางศตวรรษนี้
แนวคิดดังกล่าวยังเรียกร้องให้พรรครัฐบาลต้องยึดมั่นการพัฒนาที่ถือประชาชนเป็นที่ตั้ง ส่งเสริมการพัฒนาในทุกด้าน ให้ประชาชนทั้งปวงมีชีวิตมั่งคั่งด้วยกัน นอกจากนี้ ยังกำหนดรายละเอียดของโครงสร้างภาครวมของกิจการสังคมนิยม ยุทธศาสตร์ และทิศทางการพัฒนา หลักประกันทางการเมืองที่มีเอกลักษณ์ของจีน
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนต้องบรรลุการเป็นประเทศที่เข้มแข็งทางสังคมนิยมที่ทันสมัยในช่วงกลางศตวรรษที่ 21 บนพื้นฐานการสร้างสังคมพอกินพอใช้ในปี 2563 และจนถึงปี 2578 จีนจะบรรลุซึ่งการเป็นประเทศสังคมนิยมที่มีความทันสมัย โดยเศรษฐกิจของชาติ พลังทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และวัฒนธรรมต่างจะมีการพัฒนาอย่างมาก การปกครองประเทศ การบริหารรัฐบาลและสังคมด้วยกฎหมายจะสำเร็จเสร็จสิ้น ระบบการบริหารและความสามารถด้านการบริหารจะทันสมัย นอกจากนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมีความมั่งคั่งมากขึ้น อัตรากลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ช่องว่างระหว่างตัวเมืองกับชนบทและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนลดลงอย่างมาก บรรลุซึ่งการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน ภาวะนิเวศปรับเปลี่ยนดีขึ้น และเป้าหมายที่ดีงามของจีนบรรลุเป็นรูปะรรม ถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 21 จีนจะกลายเป็นประเทศสังคมนิยมที่มีความเข้มแข็ง ทันสมัย มีอารยธรรมสมบูรณ์และกลมเกลียวกัน กลายเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลในโลก ประชาชนต่างมีชีวิตที่มีความสุขและมั่งคั่งร่วมกัน ประชาชาติจีนจะมีภาพลักษณ์ที่แข็งแรงและเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้นในเวทีโลก
การประชุมครั้งนี้ นายสี จิ้นผิง ได้นำเสนอยุทธศาสตร์สร้างสรรค์เขตชนบทให้เจริญรุ่งเรืองเป็นครั้งแรก ซึ่งครอบคลุมถึงการสร้างกลไกและนโยบายที่ผสมผสานการพัฒนาเมืองและชนบทให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เร่งผลักดันความทันสมัยด้านการเกษตร ตอกย้ำระบอบการบริหารจัดการขั้นพื้นฐานในเขตชนบทให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ขยายเวลาการรับเหมาเช่าที่ดินนานต่ออีก 30 ปีเมื่อครบกำหนดเวลาเดิม ลงลึกในการปฏิรูประบอบกรรมสิทธิ์รวมหมู่ในชนบท ประกันสิทธิประโยชน์ทางทรัพย์สินของเกษตรกร ขยายตัวเศรษฐกิจรวมหมู่ สร้างสรรค์ระบบอุตสาหกรรมการเกษตร ระบบการผลิต และระบบการบริหารจัดการที่ทันสมัย ปรับระบบการสนับสนุนและคุ้มครองเกษตรกรรมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรหารายได้เสริมหรือประกอบธุรกิจส่วนตัว เพิ่มช่องทางการมีรายได้ของเกษตรกร และพัฒนาระบบบริหารจัดการเขตชนบทให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ประธานาธิบดีจีน ระบุว่า จีนจะประกาศใช้ระบบบัญชีรายชื่อต้องห้ามเข้าสู่ตลาดอย่างรอบด้าน ปรับแก้และยกเลิกข้อกำหนด และปฏิบัติการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการรวมตลาดให้เป็นเอกภาพและอำนวยให้เกิดการแข่งขันอย่างเสมอภาค สนับสนุนให้วิสาหกิจเอกชนพัฒนาตนเอง กระตุ้นความคึกคักของตลาดต่างๆ แก้ไขการผูกขาดทางการตลาด และผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเข้าตลาดของธุรกิจการบริการ
นายสี เสนอว่า จะต้องถือการสร้างสรรค์โครงการ Belt and Road Initiative เป็นงานสำคัญ ปฏิบัติตามหลักการร่วมหารือสร้างสรรค์และแบ่งปันกัน ส่งเสริมการเปิดประเทศและความร่วมมือ เสริมขีดความสามารถทางนวัตกรรม สร้างโครงสร้างการเปิดสู่ภายนอกที่เชื่อมต่อทั้งทางบกและทางทะเลระหว่างจีนกับต่างประเทศ อำนวยผลประโยชน์แบบทวิภาคีระหว่างประเทศตะวันออกกับประเทศตะวันตก ส่งเสริมการสร้างประเทศที่เข้มแข็งทางการค้า ใช้นโยบายการค้าระดับสูงและอำนวยความสะดวกให้กับการลงทุนแบบเสรี ใช้ระบบให้นักลงทุนต่างชาติมีสิทธิเท่าเทียมกับพลเมืองจีนในช่วงจัดตั้งและขยายตัวของวิสาหกิจทุนต่างชาติ และระบบบริหารบัญชีรายชื่อต้องห้าม ผ่อนคลายเงื่อนไขการอนุมัติเข้าตลาดให้มากขึ้น ขยายการเปิดสู่ภายนอกของอุตสาหกรรมการบริการ คุ้มครองสิทธิประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติ วิสาหกิจที่ลงทะเบียนในดินแดนจีนทั้งหมดจะต้องใช้นโยบายเดียวกัน และให้ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ให้เขตนำร่องการค้าเสรีมีเสรีภาพมากขึ้นในการปฏิรูป สร้างท่าเรือการค้าเสรี ส่งเสริมความร่วมมือด้านศักยภาพการผลิตระหว่างประเทศ สร้างเครือข่ายการค้า การสมทบทุน การผลิต และการบริการที่มุ่งต่อทั่วโลก
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะจัดตั้งทีมบริหารที่ปกครองประเทศตามกฎหมายทุกด้าน ส่งเสริมการปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพื่อผลักดันงานพิจารณาตรวจสอบการปฏิบัติตามและรักษาอำนาจของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ รายงานของนายสีจิ้นผิง ยังเรียกร้องให้องค์การพรรคคอมมิวนิสต์ระดับต่างๆ และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ทุกคนเป็นแบบอย่างในการให้ความเคารพ ศึกษา รักษา และใช้กฎหมาย ไม่ว่าบุคคลหรือองค์กรใดๆ มิอาจมีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญได้
นายสี จิ้นผิง กล่าวเน้นว่า การสร้างสรรค์ประเทศให้มีระบบการศึกษาที่เจริญเข้มแข็งนั้น เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของประชาชาติจีน จึงจำเป็นต้องยกภารกิจด้านการศึกษาให้มีความสำคัญเป็นอันดับแรก ผลักดันการพัฒนาการศึกษาภาคบังคับทั้งในเมืองและชนบทเป็นแบบแผนเดียวกัน ให้ความสำคัญระดับสูงต่อการพัฒนาการศึกษาภาคบังคับในเขตชนบท จัดทำการศึกษาก่อนวัยเรียน การศึกษาสำหรับผู้พิการ และการศึกษาทางอินเทอร์เน็ตให้ดี ส่งเสริมการศึกษาระดับมัธยมปลายให้ทั่วถึง เร่งพัฒนาสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยและหลักสูตรในระดับชั้นนำ ปรับปรุงระบบการให้ความช่วยเหลือแก่นักเรียนนักศึกษาให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ทำให้แรงงานที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นใหม่ทั้งในเมืองและชนบทส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาระดับมัธยมปลาย พร้อมเพิ่มจำนวนผู้ที่ได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาให้มากขึ้น
นายสี จิ้นผิง เน้นว่า ต้องทำให้ประชากรในชนบทพ้นจากสภาพความยากจนให้หมด อำเภอที่ยากจนในขณะนี้ก็ต้องหลุดพ้นจากความยากจนให้ได้หมด โดยแก้ปัญหาในภาพรวมจนหลุดพ้นจากความยากจนอย่างแท้จริง
ด้วยเป้าหมายนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะรณรงค์ให้สมาชิกพรรคฯ ทุกคนยืนหยัดการช่วยเหลือผู้ยากจนให้ตรงเป้า ยืนหยัดกลไกการทำงานที่คณะกรรมการกลางพรรคฯ กำหนดไว้ โดยให้ระดับมณฑลรับผิดชอบโดยรวม ระดับเมืองและอำเภอลงมือปฏิบัติ ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้รับผิดชอบหลัก กระตุ้นให้เกิดความตั้งใจและการใช้สติปัญญา
ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า จะต้องสร้างระบบสาธารณสุขและการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานที่มีเอกลักษณ์ของจีน มีระบบประกันสุขภาพและระบบให้บริการการรักษาพยาบาลและสาธารณสุขที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูง ส่งเสริมการสร้างระบบบริการการรักษาพยาบาลและสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน และสร้างทีมแพทย์สามัญประจำบ้าน ยกเลิกการขายยาในราคาสูงเพื่อเพิ่มรายได้ของโรงพยาบาล ปรับปรุงระบบประกันยารักษาโรคให้สมบูรณ์แบบ ป้องกันและควบคุมโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรง ใช้ยุทธศาสตร์การรักษาความปลอดภัยของอาหาร ส่งเสริมการเชื่อมต่อนโยบายการให้กำเนิดบุตรกับนโยบายเศรษฐกิจและสังคมที่เกี่ยวข้อง รับมือกับสังคมผู้สูงอายุอย่างแข็งขัน สร้างบรรยากาศสังคมและระบบการดูแลผู้ชราภาพ เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมผู้สูงอายุ
นายสี จิ้นผิง กล่าวอีกว่า จีนจะเร่งรัดจัดตั้งระบบกฎหมายและแนวนโยบายด้านการผลิตและบริโภคสีเขียว จัดตั้งระบบเศรษฐกิจที่มีการพัฒนาการใช้พลังงานหมุนเวียนแบบคาร์บอนต่ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการเงินในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การบำบัดรักษามลพิษ เช่น อากาศ น้ำ และที่ดิน ยกมาตรฐานควบคุมการปล่อยมลพิษ การเข้าร่วมแก้ไขภาวะแวดล้อมโลก ลงมือแก้ปัญหาภาวะแวดล้อมอย่างจริงจัง ดำเนินโครงการรักษาและฟื้นฟูระบบนิเวศวิทยา จัดตั้งกลไกส่งเสริมระบบนิเวศวิทยาที่ดีอย่างด้าน จัดตั้งองค์การบริหารและกำกับดูแลทรัพยากรธรรมชาติและนิเวศวิทยาของรัฐ จัดตั้งระบบบุกเบิกและรักษาดินแดนแห่งชาติ จัดตั้งระบบรักษาธรรมชาติ โดยมุ่งเน้นที่ไปสวนสาธารณะต่างๆ ของรัฐเป็นหลัก
รายงานยังคาดว่า ระบบนิเวศวิทยาของจีนจะเปลี่ยนแปลงดีขึ้นอย่างมากในปี 2578 และจะบรรลุซึ่งเป้าหมายการเป็นประเทศที่สวยงามแบบจีน
นายสี จิ้นผิง ระบุว่า งานป้องกันประเทศและการพัฒนากองทัพของจีนต้องตอบสนองแนวโน้มการพัฒนาของการปฏิวัติด้านการทหารใหม่ของโลก และความต้องการด้านความมั่นคงของประเทศ ก่อนสิ้นปี 2563 ต้องมีความคืบหน้าที่สำคัญยิ่งในการบรรลุการใช้เครื่องยนต์ (Mechanization) และสารสนเทศในขั้นพื้นฐาน เพิ่มศักยภาพด้านยุทธศาสตร์ขนานใหญ่ ผลักดันทฤษฎีด้านการทหาร รูปแบบการจัดตั้งกองทัพและการพัฒนาบุคลากรด้านการทหาร และการพัฒนาความทันสมัยของอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกด้าน ความพยายามที่จะบรรลุด้านความทันสมัยทั้งในด้านการป้องกันประเทศและการพัฒนากองทัพก่อนปี 2578 และสร้างสรรค์กองทัพสู่ระดับชั้นนำของโลกให้สำเร็จในช่วงกลางศตวรรษที่ 21
นายสี จิ้นผิง เน้นว่า ระบอบหนึ่งประเทศสองระบบ เป็นระบอบที่ดีที่สุดที่รักษาความมั่นคงและความรุ่งเรืองระยะยาวของฮ่องกงและมาเก๊า สนับสนุนให้ทางการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า และผู้ว่าฯ บริหารงานตามหลักรัฐธรรมนูญ สร้างผลการทำงานอย่างแข็งขัน ปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ผลักดันประชาธิปไตยอย่างเป็นระบบ รักษาความมั่นคงของสังคม มีความรับผิดชอบด้านรัฐธรรมนูญในการพิทักษ์อธิปไตยเหนือดินแดน ความมั่นคง และการพัฒนาของประเทศ กำหนดนโยบายและมาตรฐานให้ชาวฮ่องกงและมาเก๊ามีโอกาสพัฒนาที่จีนแผ่นดินใหญ่
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ต้องยืนหยัดหลักการให้ชาวฮ่องกงที่รักชาติบริหารฮ่องกง และชาวมาเก๊าที่รักชาติบริหารมาเก๊า เพิ่มกำลังการรักชาติ ส่งเสริมให้พี่น้องชาวฮ่องกงและมาเก๊ามีจิตสำนึกรักในความเป็นชาติบ้านเมือง
นายสี จิ้นผิง ชี้แจงว่า “หลักการจีนเดียว" เป็นพื้นฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ส่วน "ฉันทามติปี 2535" สะท้อนให้เห็นถึงหลักการจีนเดียวเป็นจุดสำคัญในการรับประกันการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบอย่างสันติ เพียงยอมรับ "ฉันทามติปี 2535" ว่าเป็นเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์เท่านั้น สองฝ่ายจึงจะสามารถจัดการพูดคุยเจรจากันได้ และการไปมาหาสู่กันระหว่างพรรคการเมืองหรือองค์การต่างๆ ของไต้หวันกับแผ่นดินใหญ่ก็จะไม่มีอุปสรรค รายงานเน้นว่า แผ่นดินใหญ่มีเจตนารมณ์ที่หนักแน่น มีความมั่นใจอย่างเต็มที่ และมีขีดความสามารถอันเพียงพอในการทำลายแผนการแบ่งแยก และ "ให้ไต้หวันเป็นเอกราช" ไม่ว่าในรูปแบบใด
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนยืนหยัดนโยบายที่เป็นอิสระเสรีและวิธีทางการทูตอย่างสันติมาโดยตลอดในยุคใหม่ เคารพประชาชนประเทศต่างๆในการเลือกหนทางการพัฒนา รักษาความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมระหว่างประเทศ คัดค้านการยัดเยียดความคิดตนให้ผู้อื่น ตลอดจนคัดค้านการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นๆ และใช้อำนาจแข็งแกร่งของตนข่มขู่ผู้ที่อ่อนแอ
จีนจะไม่ทำลายผลประโยชน์ของประเทศอื่นๆ เพื่อมาพัฒนาตัวเองอย่างเด็ดขาด และจะไม่สละสิทธิและผลประโยชน์ที่เที่ยงธรรมของตนเองด้วย ไม่ว่าใครก็อย่าคิดฝันว่าจะให้จีนยอมรับผลพวงด้านลบที่ทำลายผลประโยชน์ตนเอง จีนจะยืนหยัดนโยบายการป้องกันประเทศที่เน้นป้องกันตนเอง การพัฒนาของจีนจะไม่คุกคามประเทศใดๆ ไม่ว่าจีนพัฒนาไปถึงระดับใด ก็จะไม่คิดจะครองโลกและจะไม่แทรกแซงประเทศอื่นๆ
ประธานาธิบดีจีน กล่าวเน้นว่า ประชาชนเกลียดชังโกรธแค้นการทุจริตคอรัปชั่นมากที่สุด และการทุจริตคอรัปชั่นเป็นภัยคุกคามร้ายแรงสุดที่พรรคคอมมิวนิสต์กำลังเผชิญหน้าอยู่ เกี่ยวกับการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะยึดมั่นหลักการโดยไม่มีข้อยกเว้น โดยต้องครอบคลุมทั่วถึงหมดทุกพื้นที่ และจะไม่มีการยอมรับพฤติกรรมทุจริตใดๆ แม้เพียงน้อยนิด ยืนหยัดการตรวจสอบสืบสวนทั้งผู้ให้และผู้รับสินบน ป้องกันไม่ให้เกิดกลุ่มคณะที่มีผลประโยชน์ร่วมกันภายในพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเด็ดขาด จัดตั้งระบอบการตระเวนตรวจสอบในคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนระดับเมืองและอำเภอ เพิ่มขีดความสามารถในการปราบปรามและปรับบทลงโทษปัญหาทุจริตคอรัปชั่นที่อยู่ใกล้ตัวประชาชน ไม่ว่าผู้ทุจริตคอรัปชั่นจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหน ก็ต้องไล่จับกลับมาดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมาย ผลักดันให้บัญญัติกฎหมายต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นแห่งชาติ และจัดตั้งเวทีสำหรับแจ้งความที่ครอบคลุม ระบบการตรวจสอบระเบียบวินัย และการตรวจการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างทั่วถึง
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะสร้างและปรับปรุงระบบตรวจสอบ ควบคุมพรรคและประเทศให้สมบูรณ์ กำหนดกฎหมายว่าด้วยการตรวจสอบควบคุม จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบควบคุมระดับประเทศ มณฑล เมืองและอำเภอ ให้ทำงานร่วมมือกับหน่วยงานตรวจวินัยระดับนั้นๆ เพื่อให้การตรวจสอบครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจทั้งหมด ตลอดจนมอบหมายอำนาจและวิธีการตรวจสอบให้กับคณะกรรมการควบคุม ส่งเสริมการควบคุมโดยองค์การพรรคฯ รวมทั้งส่งเสริมการตรวจสอบควบคุมตามหลักประชาธิปไตย สนับสนุนให้หน่วยงานระดับเดียวกันควบคุมซึ่งกันและกัน ส่งเสริมการตรวจสอบควบคุมเป็นประจำ และส่งเสริมการตรวจสอบทางการเมืองในระดับลุ่มลึก
ประธานาธิบดีสี ระบุว่า จีนจะเพิ่มการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลด้านกฎหมาย สภาพแวดล้อม การตรวจสอบ และการทหาร รวมถึงจะจัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลการปกครองประเทศตามกฎหมายของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพิ่มกำลังในการชี้นำการสร้างสรรค์ประเทศจีนตามกฎหมาย จัดตั้งองค์กรบริหารทรัพยากรธรรมชาติและการกำกับดูแลภาวะนิเวศของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด กำกับดูแลการใช้ผืนดินทั้งหมด และการอนุรักษ์ฟื้นฟูภาวะนิเวศ กำกับดูแลการปล่อยมลภาวะประเภทต่างๆ ในเมืองและชนบท และการบริหารจัดการตามกฎหมาย จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ 4 ระดับ คือ รัฐ มณฑล เมือง และอำเภอ ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด ใช้ระบบตระเวนตรวจสอบของคณะกรรมการพรรคระดับเมืองและอำเภอ เพิ่มกำลังในการจัดการปัญหาคอรัปชั่น จัดตั้งองค์กรบริหารและสร้างหลักประกันให้ทหารที่ปลดประจำการ เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของทหารและสมาชิกครอบครัว
ประธานาธิบดีจีน กล่าวว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนบริหารประเทศจีนภายใต้ระบอบสังคมนิยมที่มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน ดังนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องเพิ่มความสามารถด้านการบริหารต่างๆ รวมทั้ง ความสามารถด้านการศึกษา การเมือง การปฏิรูป นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี การปกครองประเทศตามกฎหมาย การดูแลประชาชน การปฏิบัติด้านต่างๆ และการแก้ไขความเสี่ยง โดยเน้นย้ำว่า พรรคการเมืองต้องมีความคิดเชิงกลยุทธ์ นวัตกรรม การเจรจาที่ตั้งหลักอยู่บนเหตุผล การปกครองประเทศตามกฎหมาย และแนวคิดนอกกรอบ