อดีตสมาชิกทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ จำนวน 3 ราย ได้ถูกศาลสหรัฐดำเนินคดีเมื่อวานนี้ โดยสมาชิก 2 รายให้การไม่ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา ขณะที่อีกหนึ่งรายสารภาพว่าตนได้โกหกต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับชาวรัสเซียผู้หนึ่งที่มีเส้นสายในรัฐบาลรัฐเซีย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายจอร์จ ปาปาโดปูลอส ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศในทีมหาเสียงเลือกตั้งของปธน.ทรัมป์ ให้การสารภาพว่าตนได้โกหกต่อ FBI เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับศาสตราจารย์ชาวรัสเซียรายหนึ่ง ซึ่งมีเส้นสายในรัฐบาลรัสเซีย โดยเขาโกหกว่าได้รู้จักศาสตราจารย์ผู้นี้ก่อนที่จะเป็นสมาชิกทีมหาเสียง แต่แท้จริงแล้วทั้งสองรู้จักกันหลังนายปาปาโดปูลอสเป็นสมาชิกทีมหาเสียงได้ไม่นาน ขณะที่ศาสตราจารย์รัสเซียคนดังกล่าวได้ให้ความสนใจต่อนายปาปาโดปูลอส เนื่องจากเห็นว่าเขาเป็นสมาชิกทีมหาเสียงนี้
ขณะเดียวกัน นายพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ เช่นเดียวกับนายริค เกตส์ อดีตผู้ร่วมธุรกิจ ได้ถูกศาลรัฐบาลกลางสหรัฐดำเนินคดีด้วยเช่นกัน โดยทั้งสองให้การไม่ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา
ทั้งสองถูกตั้งข้อกล่าวหา 12 กระทงด้วยกัน ทั้งข้อหาฟอกเงิน สมรู้ร่วมคิดเพื่อกระทำผิดกฎหมาย ให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการลงทะเบียนตัวแทนต่างชาติ (FARA) และอื่นๆ โดยการตั้งข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นผลจากการสอบสวนของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษในการควบคุมดูแลการสืบสวนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐในปีที่แล้ว
หลังจากที่รายงานข่าวของอดีตสมาชิกทีมหาเสียงถูกดำเนินคดีได้แพร่เป็นวงกว้างแล้ว ปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า "ไม่มีการสมรู้ร่วมคิดใดๆทั้งสิ้น"
ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า "เสียใจด้วย แต่เรื่องนี้ผ่านไปหลายปีแล้ว ก่อนที่นายพอล มานาฟอร์ต จะร่วมทีมหาเสียงเสียอีก แต่ทำไมไม่มีใครสนใจนางฮิลลารีจอมขี้โกงหรือพวกพรรคเดโมแครตเลย"
"นอกจากนี้ ไม่มีการสมรู้ร่วมคิดใดๆทั้งสิ้น" ทรัมป์กล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาเคยกล่าวไว้ว่า การตั้งข้อหาเหล่านี้เป็นการ "ล่าแม่มด"