สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ขณะนี้ได้มีเอกสารทางการเงินรั่วไหลระลอกใหม่ในทำนองเดียวกับปานามา เปเปอร์ โดยเอกสารดังกล่าวได้เปิดเผยความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ กับรัฐบาลรัสเซีย เช่นเดียวกับพฤติกรรมหนีภาษีของผู้ช่วยรายหนึ่งของนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา
เอกสารดังกล่าวระบุว่า นายรอสส์ ซึ่งเป็นนักลงทุนไพรเวทอิควิตี้ระดับพันล้าน และเป็นบุคคลใกล้ชิดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีผลประโยชน์ในบริษัทขนส่งแห่งหนึ่งที่ทำรายได้ปีละกว่าหลายล้านดอลลาร์จากบริษัทด้านพลังงานแห่งหนึ่ง ที่มีเจ้าของเป็นลูกเขยและกลุ่มบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย
รายงานข่าวดังกล่าวคาดว่าจะทำให้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.ทรัมป์มีความน่าเชื่อถือลดลงไปอีก จากที่ก่อนหน้านี้มีข้อกล่าวหาว่ากลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิดปธน.ทรัมป์มีการสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซีย โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่ารัฐบาลรัสเซียมีส่วนแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่ผ่านมาหรือไม่
เอกสารที่รั่วไหลใหม่นี้มีชื่อว่า "พาราไดซ์ เปเปอร์ส์" ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับ "ปานามา เปเปอร์" เอกสารที่รั่วไหลมาจากบริษัทที่ปรึกษากฎหมายในปานามาชื่อมอสแซค ฟอนเซกา จนกลายเป็นประเด็นอื้อฉาวเมื่อปีที่ผ่านมา โดยซูดดอยช์ ไซตุง หนังสือพิมพ์เยอรมัน เป็นผู้ที่ได้รับเอกสารใหม่เหล่านี้และเป็นผู้ส่งเอกสารดังกล่าวให้กับสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (International Consortium of Investigative Journalists - ICIJ)
แม้กรณีของนายรอสส์ไม่เกี่ยวกับการเลี่ยงภาษี แต่ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่เขามีกับบุคคลใกล้ชิดของปธน.ปูตินนั้น อาจก่อให้เกิดกระแสวิตกเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน โดยความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียนั้นได้เกิดความตึงเครียด หลังจากที่รัสเซียได้ประกาศผนวกดินแดนในคาบสมุทรไครเมียเมื่อปี 2557 และข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียมีส่วนแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐเมื่อปี 2559
ทั้งนี้ ICIJ เปิดเผยว่า โฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่านายรอสส์ได้กระทำผิดจรรยาบรรณ