คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เรียกร้องให้เมียนมายุติการใช้กำลังทางทหารที่ "เกินกว่าเหตุ" ต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของเมียนมา
คณะมนตรี UNSC ระบุในแถลงการณ์ว่า รัฐบาลเมียนมาต้องให้การรับรองว่า กองทัพเมียนมาจะไม่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุในรัฐยะไข่ พร้อมกับวิจารณ์เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลเมียนมาต้องการถอนรากถอนโคนชาวโรฮิงญากว่า 600,000 คนที่อพยพออกจากประเทศ
นอกจากนี้ UNSC ยังแสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการข่มเหงในรัฐยะไข่ รวมถึงสิ่งที่กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาปฏิบัติได้ต่อชาวโรฮิงญา
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เมียนมาได้เปิดเผยว่า ปฏิบัติการทางทหารในรัฐยะไข่นั้น มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพและกำจัดการคุกคามของก่อการร้าย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การปราบปรามอย่างรุนแรงในรัฐยะไข่ได้เกิดขึ้นหลังจากที่กองกำลังที่เรียกตนเองว่า "กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา (ARSA)" ได้โจมตีเจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงมากกว่า 20 คนในรัฐยะไข่ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.
ทั้งนี้ ชาวโรฮิงญาที่อพยพออกจากรัฐยะไข่ได้เปิดเผยถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนของกองกำลังความมั่นคงเมียนมา โดยระบุว่า หมู่บ้านของพวกเขาถูกทำลาย ขณะที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ตำหนิว่า สถานการณ์ในรัฐยะไข่เป็นตัวอย่างของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์