สหรัฐประกาศขึ้นบัญชีดำเกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นการดำเนินการครั้งแรกในรอบ 9 ปี หลังจากที่สหรัฐได้ร่วมมือกับชาติอื่นๆทั่วโลกในการยกระดับการกดดันเกาหลีเหนือ เพื่อบีบให้เกาหลีเหนือยุติโครงการทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวเปิดการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า "ในวันนี้ สหรัฐขอกำหนดให้เกาหลีเหนือจัดอยู่ในประเทศผู้สนับสนุนการก่อการร้าย"
ข้อกำหนดดังกล่าวซึ่งได้มีการสั่งห้ามเกาหลีเหนือไม่ให้ส่งออกอาวุธและรับความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างชาติ นั้น ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในการ "กดดันเกาหลีเหนือขั้นสูงสุด" ของสหรัฐ รวมถึงการสั่งคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจร่วมกับประชาคมโลก เพื่อบังคับให้เกาหลีเหนือยอมกลับเข้าสู่กรอบการเจรจาเพื่อยุติการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ในวันนี้ ซึ่งทรัมป์กล่าวว่า "เป็นการคว่ำบาตรในระดับสูงสุด"
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "สหรัฐจะยกระดับการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือให้สูงขึ้น รวมถึงลงโทษเกาหลีเหนือและบุคคลที่เกี่ยวข้อง พร้อมสนับสนุนให้มีการยกระดับการกดดันขึ้นสู่ขั้นสูงสุด เพื่อทำให้เกาหลีเหนือเป็นรัฐโดดเดี่ยว"
"นอกจากเกาหลีเหนือจะข่มขู่ประชาคมโลกด้วยอาวุธนิวเคลียร์แล้ว เกาหลีเหนือยังได้สนับสนุนการก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการลอบสังหารในต่างแดน" ทรัมป์กล่าว โดยอ้างถึงเหตุการลอบสังหารนายคิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จอง อึน ด้วยการวางยาพิษด้วยสาร "VX Nerve Agent" ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของนายออตโต วอร์มไบเออร์ นักศึกษาชาวอเมริกันวัย 22 ปีที่ถูกปล่อยตัวจากเกาหลีเหนือด้วยอาการโคม่า หลังจากที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกของเกาหลีเหนือมาเป็นเวลานานถึง 17 เดือน รวมถึง "เหตุการณ์อีกนับไม่ถ้วนที่ประชาคมโลกได้รับผลกระทบจากการกระทำอันโหดเหี้ยมของเกาหลีเหนือ"
ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้ถอดเกาหลีเหนือออกจากบัญชีรายชื่อประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายในเดือนต.ค.2551 หลังจากที่สหรัฐประสบความคืบหน้าในการเจรจาประเด็นอาวุธนิวเคลียร์กับเกาหลีเหนือ