นางคริสเตีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของแคนาดา ประกาศว่า ทางแคนาดาจะไม่ย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเลม โดยแคนาดามีจุดยืนว่า สถานะของกรุงเยรูซาเลมนั้นจะกำหนดได้จากการเจรจาโดยสันติเท่านั้น เพื่อปูทางสู่กระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
นางฟรีแลนด์ เปิดเผยว่า แคนาดามีความมุ่งมั่นเพื่อให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเกิดสันติภาพที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืน รวมถึงการตั้งรัฐปาเลสไตน์ที่อยู่คู่กับอิสราเอลได้อย่างสันติ
นอกเหนือจากแคนาดาแล้ว เมื่อวานนี้กระทรวงต่างประเทศของเม็กซิโก ก็ได้ประกาศยืนยันไม่ย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเลมเช่นเดียวกัน โดยทางรัฐบาลเม็กซิโกระบุว่า การตัดสินใจไม่ย้ายสถานทูตนั้นสอดคล้องกับมติของสหประชาชาติ (UN)
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อคืนนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม
ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า การตัดสินใจของเขาไม่ได้มีความประสงค์ที่จะขัดขวางกระบวนการสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ โดยสหรัฐจะให้การสนับสนุนแนวทางในการตั้งรัฐปาเลสไตน์และอิสราเอลควบคู่กัน หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกัน
ผู้นำสหรัฐระบุว่า เขาจะสั่งการให้มีการเริ่มต้นกระบวนการในการออกแบบ และก่อสร้างสถานทูตสหรัฐในกรุงเยรูซาเลม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายปี และหากการก่อสร้างแล้วเสร็จ ก็จะถือเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อสันติภาพในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ การดำเนินการของปธน.ทรัมป์ ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายปี 2538 ของสหรัฐ ซึ่งกำหนดให้มีการย้ายสถานทูตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลม ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐหลายคนก่อนหน้านี้ เช่น บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิลยู บุช และบารัค โอบามา ต่างก็ใช้คำสั่งประธานาธิบดีเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป เนื่องจากวิตกว่าจะกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลาง
ชาวปาเลสไตน์ถือว่ากรุงเยรูซาเลมซึ่งถูกอิสราเอลยึดครองมาตั้งแต่สงครามปี 2510 นั้น เป็นเมืองหลวงแห่งรัฐในอนาคต รวมถึงมองว่าสถานะของกรุงเยรูซาเลมนั้นยังคงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไข