นายราอูล เฟอร์เรโร คอสตา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของเปรู กล่าวว่า กระบวนการถอดถอนนายเปโดร ปาโบล คักซินสกี ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีของเปรู อาจนำไปสู่วิกฤตการเมืองที่ไม่สามารถคาดเดาผลที่ตามมาได้
คอสตากล่าวว่า การถอดถอนนายคักซินสกี ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่าพัวพันในคดีทุจริตรับสินบนบริษัทก่อสร้างสัญชาติบราซิล "โอเดเบรชต์" ต้องดำเนินไปตามกระบวนการของกฎหมายอย่างถูกต้อง ซึ่งในตอนนี้ทุกอย่างกลับกำลังดำเนินไปอย่างเร่งรีบ
"นี่เป็นคดีที่สำคัญที่สุดของเปรูในศตวรรษที่ 21" คอสตากล่าว
ทั้งนี้ รัฐสภาเปรูซึ่งพรรคฝ่ายค้านคุมเสียงส่วนใหญ่ มีมติด้วยคะแนนเสียง 93-17 ให้เริ่มกระบวนการพิจารณาถอดถอนนายคักซินสกีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในฐานะบุคคล "ที่ไร้ความสามารถทางศีลธรรมอย่างถาวร"
ด้วยเหตุนี้ คักซินสกีจึงมีกำหนดขึ้นอภิปรายต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อให้การปกป้องตนเองจากการถูกถอดถอน ซึ่งต้องการเสียงรับรองเพียงแค่ 87 เสียงเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ คักซินสกีได้ออกมาปฏิเสธว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต พร้อมยืนยันว่า การทำสัญญาร่วมกับบริษัทโอเดเบรชต์ เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และตนไม่ได้เป็นผู้ลงนามในสัญญาดังกล่าว แต่เป็นหุ้นส่วนธุรกิจของตน อีกทั้งยังปฏิเสธด้วยว่า ตนนั้นไม่ได้รับเงินจากโอเดเบรชต์ในช่วงหาเสียงในปี 2554 และ 2559
อย่างไรก็ตาม รายงานของโอเดเบรชต์ที่ยื่นต่อรัฐสภาเปรูเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แสดงว่า บริษัทได้จ่ายเงินจำนวน 4.8 ล้านดอลลาร์ให้แก่บริษัทที่มีคักซินสกีหรือหุ้นส่วนคนสนิทเป็นเจ้าของ
นอกจากนี้ รายงานที่โอเดเบรชต์ยื่นต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐยังระบุด้วยว่า บริษัทได้จ่ายเงินจำนวน 29 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่ผู้นำการเมืองของเปรูรวมถึงผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในระหว่างปี 2549-2557 เพื่อแลกกับสัญญาจ้างงานสาธารณะ