นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง หลังกระแสความไม่พอใจเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ได้กลายเป็นการข่มขู่ผู้อื่น
นางเมย์ได้มีถ้อยแถลงดังกล่าว ขณะที่เธอขึ้นกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาในสภาสามัญชนของอังกฤษ เพื่อชี้แจงถึงความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการเจรจากับสหภาพยุโรปในประเด็นที่อังกฤษจะถอนตัวออก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในการอภิปรายที่รัฐสภาเวสต์มินสเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคอนุรักษนิยมกลุ่มหนึ่งได้ลงคะแนนโหวตคัดค้านรัฐบาล ซึ่งนับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกของนางเมย์ต่อความคืบหน้าในการร่างกฎหมายเพื่อบรรลุข้อตกลง Brexit โดยส.ส.จำนวนหนึ่งที่โหวตคัดค้านพรรคของตนเองเปิดเผยว่าตนได้รับคำขู่ และยังถูกด่าทออย่างหนักในหนังสือพิมพ์ที่สนับสนุน Brexit
นางเมย์ได้กล่าวในสภาสามัญชนที่มีผู้คนเนืองแน่นว่า "ขณะนี้เรากำลังเผชิญกับคำถามที่มีความสำคัญยิ่งต่ออนาคตของชาติ จึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนในห้องนี้มีมุมมองต่างกัน เป็นเรื่องที่ถูกต้องสมควรแล้วในการอภิปรายประเด็นเหล่านี้ และกระทำสิ่งนั้นด้วยความกระตือรือร้นและความเชื่อมั่นที่ทำให้ประชาธิปไตยเป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่เราไม่ควรปล่อยให้มีการคุกคามเรื่องความรุนแรงและการข่มขู่ต่อส.ส.บางท่านอย่างที่เราได้เห็นในช่วงไม่กี่วันนี้"
ขณะเดียวกัน นางเมย์เปิดเผยว่า ชาวยุโรปที่เดินทางเข้าประเทศหลังอังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปในเดือนมีนาคม 2562 นั้น จะจำเป็นต้องขึ้นทะเบียนในช่วงส่งผ่านระยะเวลา 2 ปี
ผู้นำอังกฤษยืนยันว่า อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปตามแผนในเดือนมีนาคม 2562 ตามมาด้วยระยะเวลาดำเนินการที่มีการกำหนดกรอบเวลาอย่างเข้มงวดสูงสุด 2 ปี
"เราจะไม่ร่วมอยู่ในตลาดเดียว (Single Market) หรือสหภาพศุลกากร (Customs Union) เราตอนนั้นเราจะถอนตัวออกจาก EU" นางเมย์กล่าว "แต่เราจะยื่นข้อเสนอให้เรายังคงเข้าถึงอีกตลาดหนึ่งได้เหมือนกับที่เป็นอยู่วันนี้ ขณะที่เราเตรียมการและดำเนินการตามขั้นตอนและระบบใหม่ๆที่จะสนับสนุนความร่วมมือในอนาคตระหว่างสองฝ่าย"
"ในช่วงระยะเวลานี้ เราตั้งใจที่จะขึ้นทะเบียนพลเมืองสหภาพยุโรปที่เดินทางเข้าอังกฤษ เพื่อเตรียมวางระบบตรวจคนเข้าเมืองใหม่ในอนาคต และเราจะเตรียมวางนโยบายการค้าอิสระในอนาคตด้วยการเจรจาหรือหากเป็นไปได้ก็จะมีการลงนามข้อตกลงการค้ากับประเทศที่สาม ซึ่งจะมีผลหลังช่วงระยะเวลาดำเนินการสิ้นสุดลง"
นอกจากนี้ นางเมย์ยังชี้แจงต่อส.ส.ว่า สภายุโรป (EC) ได้ยืนยันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การหารือระหว่างสองฝ่ายจะเริ่มต้นทันทีเพื่อเจรจาเรื่องการค้าและความร่วมมือด้านความมั่นคงในอนาคต