เกาหลีเหนือออกมาประกาศในวันนี้ว่า จะไม่ยอมรับมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) พร้อมประกาศลั่นว่าจะเพิ่มการป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (nuclear deterrence) เพื่อป้องกันตนเอง
การประกาศของเกาหลีเหนือมีขึ้นหลังจากที่ UNSC มีมติเป็นเอกฉันท์ 15 ต่อ 0 ในการผ่านมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ โดยลดการส่งออกน้ำมันไปยังเกาหลีเหนือ และเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดการลักลอบขนส่งและใช้แรงงานเกาหลีเหนือในต่างประเทศ เพื่อตอบโต้เกาหลีเหนือกรณีทดสอบขีปนาวุธเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา
นางนิกกี ฮาเลย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า มติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่นี้มีความรุนแรงกว่ามาตรการครั้งก่อนที่ผ่านออกมาในเดือนก.ย. นอกจากนี้เธอยังเตือนเกาหลีเหนือด้วยว่า "เราจะตอบโต้พฤติการณ์ยั่วยุของระบอบคิมจองอึนด้วยมาตรการลงโทษจากนานาชาติต่อไป"
รายงานระบุว่า มติสหประชาชาติหมายเลข 2397 นี้ กำหนดให้ประเทศต่างๆลดการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นอื่นๆให้แก่เกาหลีเหนือรวม 89%
นอกจากนี้ข้อมติสหประชาชาติยังสั่งให้ระงับการส่งออกอุปกรณ์ในภาคอุตสาหกรรม เครื่องจักร ยานยนต์ขนส่ง และวัสดุต่างๆไปยังเกาหลีเหนือด้วย อีกทั้งกำหนดให้ประเทศต่างๆที่มีแรงงานเกาหลีเหนือในประเทศ เร่งส่งแรงงานเหล่านี้กลับเกาหลีเหนือภายใน 24 เดือนนับจากวันที่มาตรการคว่ำบาตรฉบับนี้มีผลบังคับใช้