รัฐบาลสหรัฐประกาศตัดเงินสนับสนุนงบประมาณของสหประชาชาติประจำปี 2561-2562 เป็นจำนวน 285 ล้านดอลลาร์
ทางด้านนางนิกกี้ ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า การปรับลดเงินสนับสนุนงบประมาณของสหประชาชาติ เกิดจากการใช้จ่ายที่เกินตัว และไม่มีประสิทธิภาพของสหประชาชาติ และตนจะไม่ยอมให้ความมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของชาวอเมริกัน ทำให้สหรัฐถูกเอารัดเอาเปรียบ
นอกจากนี้ นางฮาลีย์ยังกล่าวว่า สหรัฐมีความยินดีต่อผลการเจรจาปรับลดงบประมาณ และสหรัฐจะยังคงพิจารณาแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพของสหประชาชาติ พร้อมกับการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐ
เป็นที่น่าสังเกตุว่า การประกาศตัดเงินสนับสนุนงบประมาณของสหประชาชาติในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจัดการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ตามข้อเสนอของชาติมุสลิม และชาติอาหรับ เพื่อเรียกร้องให้สหรัฐเพิกถอนการรับรองกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ทั้งนี้ 128 ประเทศลงมติเห็นชอบให้การประกาศของสหรัฐในการรับรองให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ถือเป็นโมฆะ และไม่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย ขณะที่ 9 ประเทศลงมติคัดค้าน และ 35 ประเทศงดออกเสียง
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศรับรองอย่างเป็นทางการให้กรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล พร้อมกับเปิดเผยแผนการย้ายสถานทูตสหรัฐจากกรุงเทลอาวีฟไปยังกรุงเยรูซาเลม ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อหลายประเทศทั่วโลก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐจะตัดความช่วยเหลือทางการเงินต่อประเทศที่ลงมติเห็นชอบต่อญัตติในสหประชาชาติในการคัดค้านการที่สหรัฐให้การรับรองกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
ทางด้านนางนิกกี้ ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า สหรัฐจะจดรายชื่อประเทศที่ให้ความเห็นชอบต่อญัตติดังกล่าว
นอกจากนี้ สมาชิกส่วนใหญ่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ก็ได้มีมติเห็นชอบก่อนหน้านี้ต่อญัตติที่เสนอโดยอียิปต์ที่ต้องการให้มีการเพิกถอนการรับรองของสหรัฐที่ระบุว่ากรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
อย่างไรก็ดี สหรัฐได้ใช้สิทธิวีโต้ต่อมติดังกล่าว ขณะที่อีก 14 ชาติต่างลงมติเห็นชอบต่อญัตติของอียิปต์