นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยว่า นายสตีฟ แบนนอน อดีตหัวหน้านักกลยุทธ์ประจำทำเนียบขาว ได้ "เสียสติ" และ "ไม่มีอิทธิพลใดๆ" ต่อรัฐบาลสหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษได้รายงานเมื่อวานนี้ว่า นายแบนนอนได้แสดงความคิดเห็นในหนังสือเล่มใหม่ โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุว่า การประชุมเมื่อปี 2559 ที่ตึกทรัมป์ทาวเวอร์ระหว่างลูกชายของปธน.ทรัมป์ สมาชิกทีมหาเสียง และทนายความชาวรัสเซียรายหนึ่ง เป็นการ "ขายชาติ" และ "ไม่รักชาติ"
"นายสตีฟ แบนนอน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมหรือตำแหน่งประธานาธิบดี" ปธน.ทรัมป์ระบุในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาว "ตอนที่เขาถูกไล่ออก เขาไม่ได้เสียงานเท่านั้น แต่ยังเสียสติด้วย"
ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า "นายสตีฟแทบไม่เคยพบปะกับผมแบบตัวต่อตัว ได้แต่แสร้งว่าตนเองเคยมีอิทธิพลเพื่อหลอกคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงและไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด พวกคนที่เขาช่วยเขียนหนังสือลวงโลก"
เขากล่าวว่า "นายสตีฟแสร้งทำเป็นทะเลาะกับสื่อ ซึ่งเขาประกาศว่าเป็นกระบอกเสียงฝ่ายตรงข้าม ทว่าเมื่อเขาอยู่ทำเนียบขาว เขากลับแอบปล่อยข้อมูลเท็จให้กับสื่อเพื่อสร้างภาพว่าเขามีความสำคัญกว่าเมื่อก่อน"
แถลงการณ์จากปธน.ทรัมป์ ระบุว่า "นายสตีฟไม่ได้เป็นตัวแทนอุดมการณ์ของผม เขาเพียงเอาผลประโยชน์เข้าตัวเท่านั้น"
ทั้งนี้ นายแบนนอนเคยเป็นประธานบริหารแคมเปญหาเสียงของปธน.ทรัมป์ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 โดยเขาได้ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้านักกลยุทธ์ประจำทำเนียบขาวหลังปธน.ทรัมป์ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค. 2560 และได้ออกจากทำเนียบขาวเมื่อเดือนส.ค. เพื่อกลับไปนั่งเก้าอี้ประธานบริหารของเว็บไซต์ข่าวขวาจัดอย่าง "เบรตบาร์ตนิวส์"