กระทรวงมหาดไทยของสหรัฐได้เสนอให้พื้นที่นอกชายฝั่งทั้งหมดของสหรัฐสามารถดำเนินการขุดเจาะน้ำมันได้ โดยความเคลื่อนไหวของคณะทำงานประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในเรื่องนี้ สวนทางกับนโยบายของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทยสหรัฐได้เสนอโครงการ National Outer Continental Shelf Oil and Gas Leasing Program (National OCS Program) สำหรับปี 2562-2567 โดยเสนอให้พื้นที่กว่า 90% ของพื้นที่ทั้งหมดบริเวณนอกชายฝั่งสหรัฐ เตรียมความพร้อมในการสำรวจและพัฒนาน้ำมันและก๊าซ
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้นับว่าสวนทางกับนโยบายของรัฐบาลอดีตปธน.โอบามาที่ระบุให้ 94% ของพื้นที่นอกชายฝั่งเป็นเขตหวงห้ามในการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยหลังจากได้รับข้อสรุปแล้ว ข้อเสนอใหม่นี้จะเข้ามาแทนที่คำสั่งเดิมของรัฐบาลยุคโอบามา
นายไรอัน ซิงก์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวในแถลงการณ์ว่า "การพัฒนาทรัพยากรพลังงานนอกชายฝั่งอย่างมีความรับผิดชอบด้วยความปลอดภัยและมีการดำเนินการที่ดีนั้น มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางพลังงานและเศรษฐกิจของเรา และจะทำให้เราได้รับเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการอนุรักษ์แนวชายฝั่ง, ที่ดินและสวนสาธารณะของเรา"
อย่างไรก็ดี กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและผู้ว่าการรัฐบางรายได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอดังกล่าว โดยนายริค สก็อตต์ ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งฟลอริดา และได้ขอเข้าพบรัฐมนตรีมหาดไทยของสหรัฐเพื่อหารือถึงความวิตกกังวลที่มีต่อแผนการนี้
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีฉบับใหม่ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยกเลิกข้อจำกัดในการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งของสหรัฐในสมัยอดีตปธน.บารัค โอบามา โดยทรัมป์ระบุว่าจะช่วยสร้างงานหลายพันตำแหน่ง แม้ในยามที่ตลาดน้ำมันอยู่ในช่วงขาลง
คำสั่งของปธน.ทรัมป์ได้เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบรรดานักสิ่งแวดล้อม ซึ่งชี้ว่าการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซหลายเหตุการณ์ในอดีตนั้นได้เคยสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง เช่น กรณีการรั่วไหลของน้ำมันดิบจากแท่นขุดเจาะของบริษัทบีพีในอ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2553