นายฟรองซัวส์ เดลาเตร เอกอัคราชทูตฝรั่งเศสประจำสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยในระหว่างการอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์อิหร่านในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวานนี้ว่า สถานการณ์ความไม่สงบในอิหร่านยังไม่รุนแรงจนถึงขั้นเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพและสันติภาพระหว่างประเทศ
"แม้หลายฝ่ายวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในอิหร่านในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์ยังไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพและสันติภาพระหว่างประเทศ เราควรแสดงปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างเหมะสม หรืออีกนัยหนึ่งก็คือว่า เราควรจับตาสถานการณ์ในอิหร่านอย่างใกล้ชิด และเฝ้าระวังด้วยท่าทีที่เหมาะสม" นายเดลาเตรกล่าว
"การเปลี่ยนแปลงในอิหร่านจะไม่เกิดขึ้นจากคนภายนอก แต่จะเกิดขึ้นจากชาวอิหร่านเอง และชาวอิหร่านเท่านั้นที่จะเป็นผู้ผลักดันให้เกิดการเจรจาสันติภาพ ซึงจะเป็นการเจรจาบนพื้นฐานของการให้ความเคารพด้านสิทธิและเสรีภาพของประชาชน" นายเดลาเตรกล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวอิหร่านได้รวมตัวประท้วงรัฐบาลเพื่อต่อต้านการปรับขึ้นราคาสินค้าและแสดงความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ต่างก็ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ชุมนุม ขณะที่นายโกมาลี โคชรู ทูตอิหร่านประจำยูเอ็น ได้ออกมาโจมตีรัฐบาลสหรัฐว่าพยายามแทรกแซงกิจการภายในประเทศของอิหร่าน
ทางด้านนายเซอร์เกย์ เรี๊ยบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียมองว่าการที่สหรัฐเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การประท้วงในอิหร่านนั้น เป็นเรื่องที่ "อันตราย" พร้อมกล่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงมีหน้าที่รักษาสันติภาพและความมั่นคงทั่วโลก แต่ความขัดแย้งในอิหร่านถือเป็นเรื่องภายในที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจของทางคณะมนตรีฯ
"กิจการภายในประเทศของอิหร่านไม่ใช่เรื่องที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว" เรี๊ยบคอฟกล่าว พร้อมย้ำว่ารัสเซียขอปฏิเสธข้อเสนอให้จัดการประชุมฉุกเฉินของสหรัฐ