กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้ตัดสินใจขายระบบป้องกันขีปนาวุธ (Anti-ballistic Missiles - ABM) มูลค่าประมาณ 133.3 ล้านดอลลาร์ให้ญี่ปุ่น โดยสหรัฐและญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนานนั้น มีเป้าหมายเพื่อตอบโต้กับภัยคุกคามด้านขีปนาวุธและนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ
เจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างประเทศ เปิดเผยว่า สหรัฐเตรียมขายระบบป้องกันขีปนาวุธ "Standard Missile-3 Block IIA" จำนวน 4 ลูก พร้อมท่อเก็บขีปนาวุธ MK 29 จำนวน 4 ชุด และบริการทางเทคนิคที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยยกระดับ "ศักยภาพทางทะเลของกองกำลังป้องกันตนเอง (SDF) ในการปกป้องญี่ปุ่นและมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตกจากภัยคุกคามด้านขีปนาวุธ"
ระบบป้องกันขีปนาวุธ SM-3 Block IIA รองรับการติดตั้งบนเรือพิฆาตเล็กที่ติดระบบ Aegis และติดตั้งได้กับ Aegis Ashore ระบบป้องกันขีปนาวุธด้วยเทคโนโลยี Aegis ในภาคพื้นดิน ซึ่งญี่ปุ่นได้ตัดสินใจนำมาใช้ในประเทศ
ระบบป้องกันขีปนาวุธมีหน้าที่สกัดและทำลายหัวรบที่ถูกยิงและกำลังแล่นจากฐานยิง โดยเป็นขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ (surface-to-air)
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังรออนุมัติจากสภาคองเกรส มีขึ้นตามคำร้องขอของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยทางสำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงแห่งสหรัฐ ได้ยื่นเอกสารรับรองตามขั้นตอนเพื่อแจ้งสภาคองเกรสให้ทราบแล้วเมื่อวานนี้
เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเปิดเผยว่า การขายระบบป้องกันขีปนาวุธครั้งนี้จะ "เป็นไปตามพันธสัญญาของปธน.ทรัมป์ ในการช่วยเสริมแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศแก่ชาติพันธมิตรที่ถูกคุกคามโดยพฤติกรรมอันยั่วยุของเกาหลีเหนือ"
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กล่าวเสริมว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะยกระดับศักยภาพในการสกัดขีปนาวุธของญี่ปุ่น แต่ "จะไม่ทำให้ดุลยภาพทางการทหารในภูมิภาคเกิดการเปลี่ยนแปลง"
ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในปีงบประมาณ 2564