แถลงการณ์ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า จะขยายเวลาผ่อนปรนการคว่ำบาตรอิหร่านภายใต้ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ซึ่งจะถือเป็นการให้โอกาสครั้งสุดท้าย
เขากล่าวว่า สหรัฐจะไม่ยอมระงับการคว่ำบาตรอีก หากจะให้สหรัฐอยู่ในข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับนี้ต่อไป
ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ยังขู่ว่าตนจะนำสหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนี้ หากไม่มีการแก้ไข "ข้อบกพร่องที่มีแต่ความหายนะ"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าวมาโดยตลอด โดยข้อตกลงฉบับนี้เกิดจากลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ด้านายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ตอบโต้ถ้อยแถลงของทรัมป์ว่า เป็นความพยายามที่อับจนหนทางในการทำลายข้อตกลงซึ่งไม่สามารถเจรจากันใหม่ได้
"นโยบายและการประกาศของทรัมป์ในวันนี้สะท้อนความพยายามอันอับจนหนทางในการทำลายข้อตกลงระหว่างประเทศอันแข็งแกร่ง" นายซารีฟเปิดเผยทางทวิตเตอร์
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีการทำไว้ในปี 2558 โดยระบุว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ ขณะที่มีการละเมิดหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์เปิดเผยในวันดังกล่าวว่า สหรัฐจะยังไม่ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน แต่จะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อตกลงฉบับปัจจุบันเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ต่ออิหร่าน