กระทรวงการต่างประเทศคิวบาออกแถลงการณ์ประณามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กรณีปธน.ทรัมป์พาดพิงเฮติ, เอล ซัลวาดอร์ และประเทศจากแอฟริกาว่าเป็นประเทศโสโครก
แถลงการณ์ระบุว่า คำกล่าวของปธน.ทรัมป์เต็มไปด้วยความเกลียดชังและการดูถูกเหยียดหยาม และสร้างความโกรธเคืองในหมู่ชาวคิวบา ผู้มีความภาคภูมิใจในคนเชื้อชาติต่างๆ และผู้สืบเชื้อสายจากพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะชาวแอฟริกันและชาวเฮติ ซึ่งได้มีส่วนร่วมในการสร้างชนชาติคิวบามาตลอดประวัติศาสตร์ของประเทศ
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสท์ รายงานว่า ในระหว่างการประชุมกับสมาชิกสภาคองเกรสเกี่ยวกับการป้องกันผู้อพยพจากเฮติ, เอล ซัลวาดอร์ และประเทศจากแอฟริกาเดินทางเข้าสู่สหรัฐ ปธน.ทรัมป์ตั้งคำถามว่า "ทำไมเราต้องให้คนพวกนี้จากประเทศโสโครก (shithole countries) เดินทางมาที่นี่ด้วย แทนที่จะเป็นคนจากนอร์เวย์"
ขณะที่ต่อมา ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาไม่ได้ใช้ถ้อยคำที่เสื่อมเสียเกี่ยวกับชาวเฮติ นอกจากกล่าวว่าเฮติเป็นประเทศที่ยากจนมาก และมีปัญหามาก
"ภาษาที่ผมใช้ในการประชุม DACA (โครงการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐ) มีความรุนแรง แต่นี่ไม่ใช่ภาษาที่ผมใช้ และสิ่งที่รุนแรงจริงๆคือข้อเสนอที่มีการเสนอมา ซึ่งทำให้โครงการ DACA ก้าวถอยหลัง" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHCHR) ระบุว่า คำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เป็นสิ่งที่น่าตกใจ โดยเป็นคำพูดที่น่าละอาย และแสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติ
"คำเหล่านี้น่าตกใจ และน่าละอาย และถือเป็นการเหยียดเชื้อชาติ คุณไม่สามารถเรียกคนทั้งประเทศหรือทั้งทวีปว่า "โสโครก" เพียงเพราะว่าประชากรไม่ได้มีผิวขาว ดังนั้นจึงไม่ได้รับการต้อนรับ" นายรูเพิร์ท โคลวิลล์ โฆษก UNHCHR กล่าว