รัฐบาลสหรัฐเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดหน่วยงานราชการบางส่วนแล้ว ตั้งแต่พ้นเที่ยงคืนวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเที่ยงวันนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงได้เพียงพอที่จะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อช่วยให้รัฐบาลกลางสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปเป็นระยะเวลาสี่สัปดาห์
อย่างไรก็ดี การเจรจาระหว่างสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐยังคงดำเนินต่อไป
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้มีมติด้วยคะแนนเสียง 230 ต่อ 197 อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ ก่อนที่จะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาในวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม วุฒิสภาไม่สามารถผลักดันให้ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบได้ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับนโยบายผู้อพยพ
รายงานระบุว่า การเจรจาในนาทีสุดท้ายจบลงด้วยความล้มเหลว เนื่องจากวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตขัดขวางร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้นในการลงมติช่วงดึกวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐต้องประสบกับภาวะชัตดาวน์เป็นครั้งที่สี่ในรอบ 25 ปี โดยการชัตดาวน์ครั้งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2556 ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งครั้งนั้นได้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลเป็นเวลา 17 วัน
ทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ตำหนิเดโมแครตว่าเป็นสาเหตุให้สหรัฐต้องเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ในครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในวันครบรอบหนึ่งปีการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่มีรายงานว่า นายทรัมป์ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องทำงานรูปไข่ เพื่อพยายามบรรลุข้อตกลงกับนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา
"คืนนี้ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตมุ่งประโยชน์ทางการเมือง มากกว่าความมั่นคงของชาติ ครอบครัวของทหาร เด็กด้อยโอกาส และความสามารถของประเทศของเราในการรับใช้ชาวอเมริกันทุกคน" ซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกประจำทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์
แซนเดอร์สระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า ทำเนียบขาวจะไม่เจรจาเรื่องสถานะของผู้อพยพวัยหนุ่มสาว หรือที่เรียกว่า ดรีมเมอร์ ที่เข้ามาอยู่ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยังเด็ก ขณะที่เดโมแครตจับพลเมืองตามกฎหมายของเราเป็นตัวประกันเพื่อแลกกับความเรียกร้องต้องการที่ขาดการยั้งคิด
หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ อาทิ หน่วยงานด้านการทหาร และ ความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งถูกมองว่ามีความจำเป็น จะยังคงเปิดทำการต่อไป ขณะที่หน่วยงานอื่นๆ จะปิดทำการไปจนกว่าสภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณ