สหรัฐมักประกาศตนว่าเป็น "นครอันเจิดจรัสบนเนินเขา" แต่การที่รัฐบาลสหรัฐซึ่งเป็นหัวใจแห่งระบอบประชาธิปไตยโลกตะวันตกได้เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์นั้น ได้เผยให้เห็นจุดบกพร่องเรื้อรังอีกครั้งหนึ่ง
ภาวะชัตดาวน์ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้วในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลลัพธ์จากการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครต ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์ดังกล่าวยังตรงกับวันครบรอบการทำงาน 1 ปีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เท่ากับว่าเป็นการตบหน้ารัฐบาลสหรัฐครั้งใหญ่
จากการที่ปธน.ทรัมป์ชนะเลือกตั้งและพรรครีพับลิกันยังคงมีอำนาจเหนือสภาคองเกรสทั้งสองสภา ทางพรรครีพับลิกันก็ดูเหมือนจะสามารถเอาคืนพรรคเดโมแครตที่ครองอำนาจในทำเนียบขาวมาถึง 8 ปีในท้ายที่สุด โดยชัยชนะครั้งล่าสุดของพรรครีพับลิกันได้แก่มาตรการปรับลดภาษี ซึ่งนักวิจารณ์มองว่ามีแต่จะทำให้คนรวยนั้นรวยขึ้นกว่าเดิม
รัฐบาลของปธน.ทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืนด้านนโยบายที่สำคัญๆของนายบารัค โอบามา ปธน.คนก่อนหน้าของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก (TPP) และความตกลงปารีสว่าด้วยการแก้ปัญหาโลกร้อน
หากจะมีเรื่องราวสืบทอดที่ยังคงปรากฏให้เห็นในการส่งผ่านอำนาจแล้ว ก็น่าจะเป็นการไม่ให้ความร่วมมือระหว่างพรรคต่างๆ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐเคยถูกชัตดาวน์จากการที่รัฐบาลของอดีตปธน.โอบามาและพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องของนโยบายประกันสุขภาพเมื่อปี 2556
ขณะนี้ความขัดแย้งดังกล่าวก็ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง โดยพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามกล่าวโทษอีกฝ่ายว่าไม่ทำหน้าที่ของตน ซึ่งการที่ทั้งสองพรรคเอาแต่ชิงดีชิงเด่นเช่นนี้ ส่งผลให้ปัญหายืดเยื้อต่างๆของสหรัฐยังคงไม่ได้รับการแก้ไข
เมื่อปีที่แล้ว ปัญหาการใช้ปืนก่ออาชญากรรมในสหรัฐได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ขณะที่ช่องว่างด้านความมั่งคั่งยังคงขยายตัวกว้าง ส่วนในเรื่องการเมืองก็เกิดการแบ่งฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ระบอบประชาธิปไตยโลกตะวันตกมักได้รับการยกย่องจากชาติพัฒนาแล้วว่าเป็นระบอบที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ และเป็นระบบการเมืองที่ดีที่สุดในการบริหารประเทศ แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐขณะนี้ จะทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาตระหนักมากขึ้นถึงศักยภาพและความชอบธรรมของระบบการเมืองที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับผู้คนส่วนใหญ่ บรรทัดฐานที่สำคัญที่สุดของระบบการเมืองที่มีประสิทธิภาพนั้น ได้แก่ศักยภาพในการแก้ไขปัญหาในประเทศ ไม่ใช่การชี้ช่องกล่าวโทษอีกฝ่าย
บทวิเคราะห์โดย หลิว ช่าง
สำนักข่าวซินหัวรายงาน