นายปิแอร์ คราเฮนบูล ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติ (UNRWA) สำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ เปิดเผยว่า การที่สหรัฐตัดงบประมาณสนับสนุนองค์กรนั้น จะส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผู้บัญชาการ UNRWA ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (UN) ในกรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดนว่า สหรัฐได้ให้เงินสนับสนุนองค์กร UNRWA จำนวน 363 ล้านดอลลาร์ในปี 2560 แต่ล่าสุดได้ตัดสินใจว่าจะให้เงินสนับสนุนเพียง 60 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 ส่งผลให้องค์กรเข้าสู่ภาวะวิกฤตอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน
สิ่งที่น่าวิตกเป็นอันดับแรกคือ การศึกษาของนักเรียน 525,000 รายใน 700 โรงเรียนทั่วภูมิภาค และผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ จอร์แดน เลบานอน และซีเรีย และสิ่งที่น่าวิตกไม่แพ้กันคือโครงการสาธารณสุขของ UNRWA ที่ช่วยอุปถัมป์คนไข้กว่า 3 ล้านรายตามคลินิกต่างๆ ทั่วภูมิภาค
นอกจากนี้ การตัดเงินสนับสนุนของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์กว่า 1.5 ล้านราย ซึ่งรวมถึงผู้ที่ยังอยู่ในซีเรียที่กำลังตกอยู่ในสภาวะสงคราม
ทั้งนี้ แม้ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แสดงความประสงค์ว่า อยากให้มีการปฏิรูปองค์กร UN ครั้งใหญ่ แต่นายคราเฮนบูลชี้แจงว่า ทางองค์กรยังไม่ได้รับคำร้องในการปฏิรูปแบบเจาะจง
นายคราเฮนบูลเปิดเผยว่า UNRWA ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2491 นั้น ยังคงติดต่อกับรัฐบาลของนายทรัมป์ผ่านช่องทางต่างๆเป็นอย่างดี และได้กระทำเช่นนั้นเรื่อยมา