ผู้นำจากกลุ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวน 21 คนได้ส่งจดหมายคัดค้านการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัปม์ ที่ตัดงบประมาณความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิรูปหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ (UN)
ทั้งนี้ ผู้นำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมได้ส่งจดหมายคัดค้านต่อปธน.สหรัฐเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า สถานการณ์ต่างๆอาจเลวร้ายลงหากสหรัฐยังตัดสินใจตัดงบช่วยเหลือแก่เยาวชน ผู้หญิง และผู้ชายในจอร์แดน เลบานอน ซีเรีย เขตเวสต์แบงก์ และฉนวนกาซา
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนางฮีทเธอร์ เนาเอิร์ท โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐได้ส่งหนังสือไปยังองค์กรบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติ (UNRWA) สำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ เพื่อแจ้งว่าสหรัฐจะตัดงบประมาณช่วยเหลือ ขณะที่นายปิแอร์ คราเฮนบูล ผู้อำนวยการ UNRWA กังวลว่าการที่สหรัฐตัดงบประมาณสนับสนุนองค์กรนั้น จะส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ
นายคราเฮนบูลเปิดเผยว่า ในปี 2560 สหรัฐได้ให้เงินสนับสนุนองค์กร UNRWA จำนวน 363 ล้านดอลลาร์ แต่ล่าสุดได้ตัดสินใจว่าจะให้เงินสนับสนุนเพียง 60 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 ส่งผลให้องค์กรเข้าสู่ภาวะวิกฤตอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ UNRWA กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ การศึกษาของนักเรียน 525,000 รายใน 700 โรงเรียนทั่วภูมิภาค และผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ จอร์แดน เลบานอน และซีเรีย และสิ่งที่น่าวิตกไม่แพ้กันคือโครงการสาธารณสุขของ UNRWA ที่ช่วยอุปถัมป์คนไข้กว่า 3 ล้านรายตามคลินิกต่างๆ ทั่วภูมิภาค
นอกจากนี้ การตัดเงินสนับสนุนของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์กว่า 1.5 ล้านราย ซึ่งรวมถึงผู้ที่ยังอยู่ในซีเรียซึ่งกำลังตกอยู่ในสภาวะสงคราม