กรมศุลกากรและการป้องกันพรมแดนสหรัฐอมเริกา (CBP) ประกาศว่า รัฐบาลสหรัฐได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างกำแพงกั้นเขตแดนใหม่ทดแทนของเดิมในพื้นที่ใกล้ย่านเมืองคาเล็กซิโก ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองซานดิเอโกออกไปทางตะวันออกประมาณ 190 กิโลเมตร
แถลงการณ์จาก CBP ระบุว่า โครงการก่อสร้างนี้จะครอบคลุมเส้นทางจากท่าเรือตะวันตกของเมืองคาเล็กซิโกทอดยาวไปทางตะวันตกเลยศูนย์การค้าแกรน พลาซา เอาท์เลต ซึ่งรวมถึงถนนหนทางที่สามารถใช้งานได้ทุกสภาพอากาศระยะทาง 2.25 ไมล์ด้วย
กำแพงเดิมในพื้นที่ดังกล่าวถูกก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 2533 โดยทำขึ้นจากเศษเหล็กและแผ่นเบาะเก่า ๆ โดยโครงการสร้างกำแพงใหม่ทดแทนกำแพงเดิมในเมืองเอลเซนโตรเป็นหนึ่งในโครงการที่หน่วยป้องกันพรมแดนให้ความสำคัญสูงสุด
การสร้างกำแพงใหม่ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นนี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชนทั่วไปมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการยกระดับบรรยากาศในการทำธุรกิจและการพาณิชย์ ในขณะเดียวกันก็ยังช่วยพัฒนาความปลอดภัยโดยรวมในบริเวณชายแดนด้วยเช่นกัน
สัญญาดังกล่าวถือเป็นสัญญาโครงการก่อสร้างบริเวณชายแดนฉบับแรกภายใต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ นอกเหนือจากนี้ยังมีกำแพงกั้นเขตแดนรูปแบบอื่น ๆ อีก 8 แบบที่ถูกสร้างขึ้นใกล้ด่านข้ามแดนโอเทย์ เมสา ของเมืองซานดิเอโกด้วย
เมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลของนายทรัมป์ได้กล่าวในสภาคองเกรสว่า ต้องการงบ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ตลอดช่วง 1 ทศวรรษต่อจากนี้ เพื่อเริ่มการก่อสร้างกำแพงกั้นเขตแดนสหรัฐ-เม็กซิโกระยะแรก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ จะส่งผลให้สหรัฐมีกำแพงหรือรั้วกันเขตแดนเป็นระยะทางครึ่งหนึ่งของเส้นเขตแดนระหว่างสหรัฐ-เม็กซิโก ซึ่งมีระยะทางทั้งหมด 3,300 กิโลเมตรภายในปี 2570