นายชุย เถียนไค เอกอัคราชทูตจีนประจำสหรัฐกล่าวว่า ได้เรียกร้องรัฐบาลสหรัฐให้ยกเลิกการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีน ซึ่งถือเป็นการกระทำเพียงฝ่ายเดียว และเป็นการกีดกันทางการค้า พร้อมกับขอให้ยกเลิกการใช้มาตรา 301 เพื่อสอบสวนพฤติกรรมการค้าของจีน โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ถ้อยแถลงของนายชุยมีขึ้นระหว่างเข้าพบหารือกับนายจอห์น เจ. ซัลลิแวน รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ โดยนายชุยได้ย้ำถึงความแตกต่างทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ พร้อมระบุว่า สหรัฐควรหาทางแก้ปัญหาดังกล่าวผ่านการเจรจาและปรึกษาหารือกับจีน
นอกจากนี้ นายชุยและรักษาการรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีในปัจจุบัน รวมถึงประเด็นที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย
กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนได้ยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) กรณีที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจำนวน 1,300 รายการ คิดเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และสหรัฐได้ใช้มาตรา 301 ทำการสอบสวนพฤติกรรมทางการค้าของจีน ซึ่งเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของ WTO ว่าด้วยการห้ามเลือกปฏิบัติและตั้งกำแพงภาษี
ความเคลื่อนไหวของจีนมีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้เปิดเผยรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% จำนวน 1,300 รายการ ตั้งแต่สินค้าอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น การแพทย์ การบิน และเซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึงสินค้าจำพวกเครื่องจักรและเคมีภัณฑ์ รวมทั้งสินค้าผู้บริโภคอย่างเครื่องซักผ้า เครื่องกวาดหิมะ และมอเตอร์ไซค์
ส่วนเมื่อวานนี้กระทรวงการคลังจีนก็ได้เปิดเผยรายการสินค้าของสหรัฐที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบด้วยสินค้า 106 รายการใน 14 หมวดสินค้า รวมถึงถั่วเหลือง วิสกี้ รถยนต์ เครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเคมีภัณฑ์ โดยรัฐบาลจีนจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งเป็นอัตราเดียวกับที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีน