FBI บุกค้นสำนักงานทนาย "ทรัมป์" พร้อมยึดเอกสารพัวพันกรณีจ่ายเงินนางเอกหนังผู้ใหญ่

ข่าวการเมือง Tuesday April 10, 2018 09:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สื่อสหรัฐรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ได้บุกเข้าตรวจค้นสำนักงานของนายไมเคิล โคเฮน ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับยึดเอกสารต่างๆ ซึ่งรวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินให้กับนักแสดงหนังผู้ใหญ่รายหนึ่งที่ถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์กับปธน.ทรัมป์

หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า พนักงานอัยการกลางในเขตแมนฮัตตันได้รับหมายค้น หลังจากที่ได้รับการส่งต่อมาจากนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษ อย่างไรก็ดี การบุกค้นดังกล่าวดูจะไม่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการสืบสวนของนายมุลเลอร์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เอกสารที่ถูกยึดนั้นยังรวมถึงอีเมล เอกสารด้านภาษี บันทึกทางธุรกิจ และบันทึกการสนทนาระหว่างนายโคเฮนและปธน.ทรัมป์

นายสตีเฟน ไรอัน ทนายความของนายโคเฮน ให้สัมภาษณ์กับเดอะไทมส์ว่า การตรวจค้นดังกล่าว "ไม่สมควรและไม่จำเป็นโดยสิ้นเชิง"

เอกสารส่วนหนึ่งที่ถูกยึดนั้นได้แก่เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนสูงถึง 130,000 ดอลลาร์ ที่นายโคเฮนแอบจ่ายให้กับนางสเตฟานี คลิฟฟอร์ด หรือที่รู้จักในชื่อสตอร์มมี แดเนียลส์ นางเอกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกระบุว่ามีความสัมพันธ์กับปธน.ทรัมป์ในปี 2549

รายงานข่าวระบุว่า นายโคเฮนได้จ่ายเงินให้กับนักแสดงผู้นี้ เพื่อให้เธอปิดปากเงียบเกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนสหรัฐเปิดฉากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 โดยนายโคเฮนได้ปฏิเสธไม่ยอมรับว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายการเงินสำหรับการหาเสียง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ปฏิเสธว่าตนมีส่วนรู้เห็นกับการจ่ายเงินดังกล่าว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ปธน.ทรัมป์ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้ ขณะที่ทางทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ได้ปฏิเสธว่าตนเคยมีความสัมพันธ์กับนักแสดงรายนี้

ด้านนางแดเนียลส์ได้พยายามทำให้สัญญาปกปิดความลับที่ตนได้ลงนามเพื่อรับเงินนั้นเป็นโมฆะ ขณะที่ทนายความของเธอเองก็ได้ยื่นคำร้องใหม่ต่อศาลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ปธน.ทรัมป์และนายโคเฮนออกมาให้การในประเด็นดังกล่าว

ทั้งนี้ นายโคเฮน ซึ่งเป็นทนายความประจำตัวปธน.ทรัมป์มาหลายปี ถูกมองว่าเป็นบุคคลที่มีบทบาทในแง่ของการสอบสวนของที่ปรึกษาพิเศษ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียได้เข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559 รวมถึงข้อกล่าวหาที่ว่าทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์มีการสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ