Commentary: ถึงเวลากระทุ้งประวัติศาสตร์ด้วยการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลีแล้ว

ข่าวการเมือง Friday April 27, 2018 09:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือซึ่งก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารในวันนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีมูน แจ อิน แห่งเกาหลีใต้นั้น ถือเป็นผู้นำเกาหลีเหนือคนแรกที่ย่างก้าวเข้ามายังแผ่นดินเกาหลีใต้นับตั้งแต่สงครามเกาหลี

การประชุมสุดยอดที่ทั่วโลกจับตา และถือเป็นการประชุมสุดยอดครั้งที่ 3 นี้ เป็นการส่งสัญญาณบวกในเรื่องของการยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ และการปรองดองบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งขึ้นอยู่กับเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

การประชุมครั้งนี้แตกต่างจากการประชุมสุดยอดของสองเกาหลีเมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งได้จัดขึ้นเมื่อปี 2543 และ 2550 เนื่องจากการประชุมครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงที่พึงปรารถนาในรูปแบบต่างๆนานาเกิดขึ้นในคาบสมุทรเกาหลีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ภายหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ส่งคณะนักกีฬาเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อเดือนก.พ.นั้น นายมูนก็ได้ส่งคณะทูตพิเศษไปยังกรุงเปียงยาง หลังจากนั้น คิม จอง อึนก็ได้เดินทางเยือนกรุงปักกิ่ง ซึ่งถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำเกาหลีเหนือ ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) อยู่ในขณะนั้น และยังเป็นว่าที่บุคคลที่เตรียมทำหน้าที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศในช่วงดังกล่าว ก็ได้เดินทางเยือนเกาหลีเหนือแบบลับๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกาหลีเหนือได้ให้คำมั่นว่า จะยกเลิกการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีปตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. รวมทั้งยกเลิกการทดสอบนิวเคลียร์ภาคพื้นดิน

เหมือนดังเช่นที่ผู้อาวุโสเคยกล่าวไว้ว่า ให้ตากฟางช่วงดวงอาทิตย์ฉายแสงนั้น คาบสมุทรเกาหลีในขณะนี้ก็ยืนอยู่ในจุดเปลี่ยนด้วยโอกาสอันดีที่จะมุ่งสู่หนทางที่ถูกต้องไปยังการยุติโครงการนิวเคลียร์และสันติภาพอย่างยั่งยืนในที่สุด

การที่จะคงไว้ซึ่งโอกาสอันดีนี้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรจะฉวยโอกาสไว้ เพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีปราศจากนิวเคลียร์ และแทนที่สถานะการพักรบด้วยสนธิสัญญาแห่งสันติภาพ

ในการหาหนทางเพื่อที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก และหลีกเลี่ยงการตกสู่กับดักเดิมอีกครั้งนั้น การมุ่งแก้ปัญหาที่ตรงจุดและลงลึกถึงรากเหง้าของโครงการนิวเคลียร์บนคาบสมุทรและสถานการณ์ของทั้งสองฝ่าย ถือเป็นเรื่องที่จำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องใช้ปัญญา ความอดทน และการแก้ปัญหาอย่างแน่วแน่

แนวทางคู่ขนานที่จีนได้นำเสนอด้วยการเดินหน้าเพื่อยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ และสร้างกลไกแห่งสันติภาพด้วยนั้น ถือเป็นหนทางที่เป็นธรรม เป็นที่ยอมรับ และสมเหตุสมผล ซึ่งควรจะนำมาพิจารณาบนพื้นฐานของผลประโยชน์และความกังวลของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ประเด็นสำคัญของคาบสมุทรเกาหลีนั้นขึ้นอยู่กับความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐ ซึ่งความไม่ไว้วางใจกันของทั้ง 2 ฝ่ายหยั่งรากลึกจนทำให้การคลี่คลายต้องอาศัยเวลาและความศรัทธา แต่ถึงกระนั่น สหรัฐและเกาหลีเหนือก็ยังสามารถเดินหน้าด้วยการริเริ่มใช้แนวทางการติดต่อสื่อสารโดยตรง ในระดับสูง

ขณะนี้ สายลมที่อบอุ่นได้พัดผ่านมายังคาบสมุทรแล้ว ความหวังซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืนในภูมิภาคฉายแสงมากยิ่งขึ้น ถึงเวลาแล้วที่จะกระทุ้งประวัติศาสตร์อีกครั้ง

ลู่ หรุย จากสำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ