สำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสหประชาชาติ (UN) เปิดเผยว่า ขณะนี้ไม่พบหลักฐานใดๆที่บ่งชี้ว่าอิหร่านได้ทำการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์หลังปี 2552
ถ้อยแถลงของ IAEA มีขึ้นนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยเอกสารจำนวนมากที่เขาอ้างว่าได้รับจากอิหร่าน และพิสูจน์ว่าอิหร่านกำลังดำเนินการโครงการลับเพื่อสร้างอาวุธนิวเคลียร์
ที่ผ่านมานั้นอิหร่านมักยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนเป็นโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติ แต่นายเนทันยาฮูได้เปิดเผยเอกสารจำนวนหลายพันหน้า ซึ่งเขาระบุว่าได้ถูกคัดลอกสำเนามาจากสถานที่แห่งหนึ่งในอิหร่าน และมีรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างอาวุธนิวเคลียร์
นายเนทันยาฮูกล่าวว่า เอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงหลักฐานใหม่ที่ทำให้ได้ข้อสรุปว่าอิหร่านมีโครงการลับในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ โดยได้ปิดบังไว้เป็นเวลาหลายปี
ทั้งนี้ หลายฝ่ายต่างก็จับตาท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐซึ่งมีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.ในการตัดสินใจว่าจะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติมหาอำนาจทำไว้กับอิหร่านหรือไม่ โดยข้อตกลงฉบับนี้เกิดจากลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ปีที่แล้ว ปธน.ทรัมป์ประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่มีการทำไว้ในปี 2558 โดยระบุว่า อิหร่านไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว และมีการละเมิดหลายครั้ง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า IAEA เป็นหน่วยงานที่ติดตามการดำเนินการตามข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดย IAEA ได้ทำการประเมินโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านไปเมื่อปี 2558