นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ออกมาแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เลือกถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (JCPOA)
นายกูเตอร์เรสกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า "ผมรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการที่สหรัฐประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ และจะใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง"
สำหรับข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านนั้น เกิดจากการลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ในขณะที่อิหร่านจะต้องระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
"ผมขอเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกชาติอื่นๆปฏิบัติตามพันธกิจภายใต้ข้อตกลง JCPOA รวมถึงสมาชิกสหประชาชาติให้สนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวต่อไป"
"ผมย้ำมาเสมอว่า ข้อตกลง JCPOA ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในการยุติการใช้อาวุธนิวเคลียร์และการเจรจาทางการทูต ซึ่งได้นำสันติภาพและความมั่นคงมาสู่ภูมิภาคและประชาคมโลก"
นอกจากนี้ นายกูตเตอร์เรสยังกล่าวอีกด้วยว่า ปัญหาข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านควรได้รับการแก้ไขตามกระบวนการที่ได้ร่างไว้ในข้อตกลงโดยปราศจากความลำเอียง เพื่อรักษาข้อตกลงดังกล่าวไว้
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์เปิดเผยว่า เขาจะถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน พร้อมกับเรียกข้อตกลงดังกล่าวว่าเป็นข้อตกลงที่ผุพังและน่าอายเป็นอย่างยิ่งสำหรับตนเองในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
ทรัมป์ กล่าวต่อไปว่า ตนเองจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่ได้ระงับมาตรการดังกล่าวไปในช่วงที่มีการลงนามข้อตกลงเมื่อปี 2558 โดยสหรัฐจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจในขั้นสูงสุดกับอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศที่ผู้นำสหรัฐเรียกขานว่าเป็นรัฐที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายในระดับชั้นนำ
ทางด้านอิหร่านระบุว่า อิหร่านเตรียมพร้อมที่จะริเริ่มการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอีกครั้ง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการผลิตทั้งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์และอาวุธ