นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีของอิหร่านเปิดเผยว่า อิหร่านจะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านกับผู้ร่วมลงนามในข้อตกลงซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA) ต่อไป ถึงแม้สหรัฐอเมริกาจะประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าวก็ตาม
ประธานาธิบดีรูฮานีแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า "นับจากนี้เป็นต้นไป ข้อตกลงนิวเคลียร์จะเป็นข้อตกลงระหว่างอิหร่านและอีก 5 ประเทศมหาอำนาจที่ร่วมลงนาม" และ "ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สหรัฐอเมริกาถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์"
นอกจากนี้ผู้นำอิหร่านยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาอิหร่านได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้ที่ยึดมั่นกับพันธกรณีระหว่างประเทศ พร้อมเปิดเผยด้วยว่า "ประสบการณ์ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาของอิหร่านแสดงให้เห็นว่า พันธกรณีของรัฐบาลสหรัฐไม่มีความน่าเชื่อถือแต่อย่างใด" และสหรัฐไม่เคยปฎิบัติตามพันธกรณีของข้อตกลงนิวเคลียร์ดังกล่าว นับตั้งแต่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคม 2559 ขณะเดียวกันข้อตกลง JCPOA ไม่ได้เป็นข้อตกลงระหว่างอิหร่านกับสหรัฐแต่เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่ได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ (UN) ด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีรูฮานีมีคำสั่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านเริ่มต้นการหารือกับประเทศคู่เจรจาในยุโรป ซึ่งรวมถึงจีนและรัสเซีย ในประเด็นมาตรการที่เกี่ยวข้องกับทิศทางของข้อตกลงดังกล่าวหลังจากนี้แล้ว
ผู้นำอิหร่านยังกล่าวด้วยว่า องค์การพลังงานปรมาณูของอิหร่าน (AEOI) จะเริ่มกลับมาเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมในทุกระดับอีกครั้ง หากการเจรจาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่สามารถรักษาผลประโยชน์ของอิหร่านที่ระบุอยู่ในข้อตกลงนิวเคลียร์ได้ พร้อมระบุว่า "นับจากนี้เป็นต้นไป เราควรจะพิจารณาว่าชาติมหาอำนาจที่เหลืออยู่ จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร" และ "หากข้อตกลงนิวเคลียร์ยังคงมีอยู่ เราก็จะปฎิบัติตามต่อไปอีกเพื่อสันติภาพและความมั่นคงของโลก"