นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้แสดงความพอใจที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศนำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลออกมาแสดงความเห็นในเวลาไม่นานหลังจากที่ ปธน.ทรัมป์ ประกาศว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นสูงสุดต่อการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านว่า เป็นการตัดสินใจที่ "กล้าหาญและถูกต้อง"
นายเนทันยาฮูกล่าวในการแถลงข่าวทางโทรทัศน์ว่า อิหร่านกำลังเตรียมการโจมตีอิสราเอลตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีการเคลื่อนย้ายอาวุธไปยังกองกำลังของตัวเองที่ประจำอยู่ในซีเรีย"
"เราจะใช้กำลัง" เพื่อตอบโต้ทุกการโจมตี นายกฯอิสราเอลกล่าว พร้อมเตือนว่า "กองทัพของเราเตรียมการพร้อมแล้ว และเป็นกองทัพที่เข้มแข็งมาก ใครก็ตามที่อยากจะลองของ ก็จะได้สัมผัสกับกำลังอันแข็งแกร่งของเรา"
นอกจากนี้ นายเนทันยาฮูยังเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติเข้าร่วมกับสหรัฐและถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าว อีกทั้งยังเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆลุกขึ้นมาต่อสู้กับ "การรุกรานของอิหร่าน"
นายเนทันยาฮูระบุว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับนี้ทำให้อิหร่านสามารถสะสมแร่ยูเรเนียมไว้ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อการสร้างคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด
ด้านอิหร่านได้ออกมาประณามความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์ โดยกล่าวว่า การตัดสินใจของทรัมป์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและบ่อนทำลายข้อตกลงระหว่างประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่อิหร่านลงนามร่วมกับชาติมหาอำนาจของโลกเมื่อปี 2558 ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อยับยั้งโครงการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูของอิสราเอลซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับข้อตกลงดังกล่าวได้ออกมาเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลง
อย่างไรก็ดี การประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งภูมิภาค หลังจากเกิดการโจมตีครั้งรุนแรงต่อฐานที่มั่นทางทหารในซีเรียซึ่งทำให้มีชาวอิหร่านเสียชีวิตจำนวนมาก โดยการโจมตีดังกล่าวได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของอิสราเอล