กลุ่มสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้แสดงความวิตกกังวลต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นและลดระดับความรุนแรง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นางคาเรน เพียร์ซ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า "เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้" พร้อมกับกล่าวแสดงความเห็นว่า "ในขณะที่อิสราเอลคำนึงถึงสิทธิในการป้องกันเขตแดนของตนนั้น เราก็คาดหวังว่าอิสราเอลจะเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนพื้นฐานต่อการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ และยึดมั่นในหลักในการใช้กำลังอย่างเหมาะสม"
เอกอัคราชทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติ และเอกอัคราชทูตจากกลุ่มประเทศสมาชิก EU เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องลดระดับความรุนแรง และใช้ความอดทนอดกลั้นจนถึงที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตของพลเรือน
ทั้งนี้ 5 ประเทศ EU ที่เป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติซึ่งได้แก่อังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ และสวีเดนนั้น ได้ออกแถลงการณ์ดังกล่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
สำหรับเหตุการประท้วงต่อต้านอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์นั้น มีแนวโน้มบานปลาย หลังจากกองกำลังอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเสียชีวิตกว่า 60 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการเปิดสถานทูตสหรัฐแห่งแรกในกรุงเยรูซาเลม ซึ่งก่อให้เกิดการถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐและสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวปาเลสไตน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากชาวปาเลสไตน์ต้องการให้เยรูซาเลมตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต และมองว่าการกระทำของสหรัฐเป็นการสนับสนุนการควบคุมเยรูซาเลมทั้งเมืองของอิสราเอล ขณะที่อิสราเอลมองว่า เยรูซาเลมทั้งหมดเป็นเมืองหลวงที่ไม่อาจแบ่งแยกได้