แหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ทางการสหรัฐกำลังพิจารณาเพิ่มการลาดตระเวณในทะเลจีนใต้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อท้าทายความเคลื่อนไหวทางการทหารของจีนในพื้นที่พิพาททางทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางความวิตกว่าท่าทีดังกล่าวอาจก่อให้ความตึงเครียดในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกขึ้นอีก
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐ 2 คนและนักการทูตตะวันตกเอเชียที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวเปิดผยว่า ในตอนนี้กระทรวงกลาโหมของสหรัฐกำลังพิจารณาโครงการภายใต้การดำเนินงานที่เรียกว่า เสรีภาพในการเดินเรือ บริเวณใกล้กับสิ่งปลูกสร้างของจีนบนแนวปะการังในพื้นที่พิพาท แต่ปฎิเสธที่จะระบุถึงวันและเวลาที่แน่ชัดของการตัดสินใจในประเด็นดังกล่าว
หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการลาดตระเวณทางเรือในพื้นที่พิพาททางทะเล ด้วยการเพิ่มจำนวนเรือลาดตระเวณมากขึ้น หรือปฎิบัติการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจตราสิ่งปลูกสร้างของจีนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีการติดตั้งอุปกรณ์ตัดสัญญาณเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และเรดาห์ทางทหารขั้นสูง
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐยังผลักดันให้ชาติพันธมิตรและประเทศคู่ค้าเพิ่มการเดินเรือผ่านเส้นทางการค้าทางทะเลที่สำคัญแห่งนี้ ในขณะที่ทางการจีนเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการทหารทั้งบนหมู่เกาะพาราเซลล์และหมู่เกาะสแปรตลีย์ แม้ว่าจะไม่สามารถยุติความเคลื่อนไหวของจีนในพื้นที่ดังกล่าวได้ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม นับจนถึงตอนนี้กระทรวงกลาโหมของสหรัฐยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวข้องปฎิบัติการใดๆในอนาคต แต่โฆษกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยว่า "เราจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับมิตรประเทศ คู่ค้าและพันธมิตรของเราต่อไป เพื่อให้แน่ใจได้ว่าพื้นที่แถบอินโด-แปซิฟิกจะยังคงเสรีและเปิดกว้าง"
ขณะที่นายจิม แมตทิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเตือนว่า ความเคลื่อนไหวทางการทหารของจีนในพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ในตอนนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้ว แต่รัฐบาลจีนก็อาจจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมาอย่างไม่คาดคิดด้วย
ทั้งนี้ กองทัพอากาศจีนได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดร่อนลงจอดบนเกาะวู้ดดี้ในบริเวณพื้นที่พิพาทของหมู่เกาะพาราเซลล์ เมื่อเดือนที่แล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อม สร้างความกังวลให้กับเวียดนามและฟิลิปปินส์เป็นอย่างมาก