สำนักข่าว KCNA ซึ่งเป็นสื่อของทางเกาหลีเหนือรายงานในวันนี้ว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เห็นพ้องกันที่จะให้การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และต่อเนื่อง
รายงานของสำนักข่าว KCNA ระบุว่า ในระหว่างการเจรจาอย่างสันติกับผู้นำเกาหลีเหนือนั้น ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความตั้งใจที่จะยุติการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งเกาหลีเหนือมองว่าเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรุกรานประเทศของตน
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐยังให้คำมั่นที่จะรับรองความมั่นคงให้กับเกาหลีเหนือ พร้อมยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรในด้านต่างๆที่เคยดำเนินการกับเกาหลีเหนือ รวมถึง "เดินหน้ากระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ผ่านการเจรจากับเกาหลีเหนือ"
ขณะเดียวกัน นายคิมยังได้กล่าวกับปธน.ทรัมป์ด้วยว่า หากสหรัฐ "มุ่งมั่น" ที่จะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ เกาหลีเหนือก็ยินดีที่จะ "เดินหน้าใช้มาตรการในด้านบวกขั้นต่อไป"
ทั้งนี้ นายคิมได้เรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ยุติปฏิบัติการทางทหารที่สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับทั้งสองฝ่าย พร้อมตอบรับคำเชิญของปธน.ทรัมป์ในการเดินทางเยือนสหรัฐ ขณะที่ปธน.ทรัมป์เองก็แสดงความยินดีที่จะเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี สำนักข่าว KCNA ไม่ได้กล่าวถึงการที่ปธน.ทรัมป์และนายคิมได้ร่วมหารือกันถึงประเด็นที่สายลับชาวเกาหลีเหนือลักพาตัวชาวญี่ปุ่นไปในช่วงปี 2513-2523
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์และนายคิมที่สิงคโปร์เมื่อวานนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือได้ร่วมหารือกัน โดยทั้งสองได้ลงนามในเอกสารสำคัญ ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมถึงประเด็นที่ว่า เกาหลีเหนือให้คำมั่นว่าจะยุติการใช้อาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ขณะที่สหรัฐก็ได้ให้คำมั่นที่จะรับประกันความมั่นคงให้กับเกาหลีเหนือ