สื่อหลายสำนักของสหรัฐต่างพากันตั้งคำถามเกี่ยวกับผลการประชุมสุดยอดระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือที่เสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
นิวยอร์ก ไทม์ส, วอชิงตัน โพสต์ และวอลล์ สตรีท เจอร์นัล ได้รายงานถึงผลการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือว่า เป็น "บทใหม่", "หุ้นส่วนใหม่" และ "ขั้นตอนใหม่" ตามลำดับ
ทั้งนี้ วอชิงตัน โพสต์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า แถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือเมื่อวานนี้ ยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน เนื่องจากนายคิมไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาเป็นพิเศษว่าจะยกเลิกโครงการนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธอื่นๆ ตลอดจนไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนของการปลดอาวุธนิวเคลียร์ด้วย
ด้านนิวยอร์ก ไทม์ส ระบุว่า ทรัมป์ได้เสนอผลประโยชน์ที่มีนัยสำคัญให้กับเกาหลีเหนือ โดยอ้างถึงถ้อยแถลงของทรัมป์ที่ประกาศระงับการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนท่าทีอย่างกระทันหันของรัฐบาลสหรัฐ จากก่อนหน้านี้ที่แสดงจุดยืนว่าการซ้อมรบทางทหารเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องชาติพันธมิตรในเอเชีย และไม่อาจต่อรองได้
ส่วนหนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความประหลาดใจให้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ อีกทั้งยังทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ และยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ท้ายที่สุดแล้วสหรัฐจะยกเลิกการซ้อมรบกับกองทัพเกาหลีใต้หรือไม่
วอชิงตัน โพสต์ กล่าวถึงประเด็นเดียวกันนี้ว่า การยุติปฎิบัติการซ้อมรบทางทหารจะเอื้อประโยชน์ทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญให้กับนายคิมและรัฐบาลจีน ที่สนับสนุนผลลัพธ์ดังกล่าวมาอย่างยาวนาน
ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การแสดงความมุ่งมั่นในการระงับการซ้อมรบจะก่อให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับกองกำลังทหารสหรัฐที่ประจำการในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่า ผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือวานนี้ มองว่า เป็นฟากฝั่งของนายคิมที่ได้รับชัยชนะในการประชุมสุดยอดครั้งนี้
นางแคทเธอรีน ดิลล์ นักวิจัยจากสถาบัน Middlebury Institute of International Studies ในสหรัฐ กล่าวว่า "นับตั้งแต่ยุคสมัยของนายคิม จอง อิล ผู้เป็นบิดาของนายคิม จอง อึนนั้น การประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและสหรัฐที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์ขั้นสูงสุดของการเป็นที่ยอมรับในระดับสากลของเกาหลีเหนือ"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ปฎิเสธที่จะรับฟังคำเสนอแนะใดๆในระหว่างการจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ ด้วยการกล่าวว่า "การพบปะกับนายคิมไม่ใช่เรื่องใหญ่"
ขณะที่สำนักข่าวยูเอสเอ ทูเดย์ ระบุว่า แถลงการณ์ร่วมในการประชุมครั้งนี้ ยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจน อีกทั้งยังล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือและก่อให้เกิดการตั้งคำถามที่สำคัญๆตามมา นอกจากนี้ ยูเอสเอ ทูเดย์ยังระบุว่า การจับมือกันของสองผู้นำเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ แต่การหารือไม่มีน้ำหนักมากนัก