รัฐบาลเวเนซุเอลาได้แสดงความไม่พอใจ หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ออกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรอบใหม่ต่อเจ้าหน้าที่ชาวเวเนซุเอลาจำนวน 11 คน โดยรัฐบาลเวเนซุเอลากล่าวว่าจะไม่ยอมรับมาตรการดังกล่าวอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมาตรการของ EU ถือเป็นการแทรกแซงอธิปไตยภายในของเวเนซุเอลาอย่างชัดเจน
โดยเมื่อวานนี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของ EU มีมติให้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่ชาวเวเนซุเอลาจำนวน 11 คน พร้อมสั่งห้ามเจ้าหน้าที่เหล่านี้เดินทางเข้าประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป รวมไปถึงการอายัดทรัพย์สินของบุคคลเหล่านี้ภายใต้ขอบเขตอำนาจของ EU
สำหรับรายชื่อของเจ้าหน้าที่ชาวเวเนซุเอลาที่เผชิญมาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้ รวมถึงนายเดลซี โรดริเกวซ รองประธานาธิบดีของเวเนซุเอลา และนายทาเรค เอล อัซซามี อดีตรองประธานาธิบดี รวมทั้งรองประธานและผู้บริหารสภาการเลือกตั้งแห่งชาติ (CNE)
ทางการเวเนซุเอลาออกโรงเตือนว่า จะไม่ยอมรับภัยคุกคามจากมหาอำนาจใดๆ และย้ำถึงความเป็นอธิปไตยและความเป็นประเทศเสรีของประเทศ
ในแถลงการณ์ยังระบุว่า "สหภาพยุโรปโจมตีสันติภาพทางการเมืองในประเทศเวเนซุเอลา ด้วยการเข้าแทรกแซงกิจภารภายใน และยืนกรานที่จะใช้มาตรการบีบบังคับ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับเสรีภาพ และการพูดคุยระหว่างชาวเวเนซุเอลา" ขณะเดียวกันยังประณาม EU ที่ทำตัวอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ซึ่งบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินต่อเวเนซุเอลาเช่นเดียวกัน
ส่วนเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา สหภาพยุโรปได้ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อประธานาสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งชาติ (ANC) ของเวเนซุเอลา อัยการสูงสุด ประธานสภาการเลือกตั้งแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่เวเนซุเอลาอีกจำนวนหนึ่ง