บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลเอกภาพลิเบียที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ เปิดเผยว่า การหยุดชะงักของการผลิตและส่งออกน้ำมันของประเทศซึ่งเป็นผลมาจากกองทัพลิเบียที่อยู่ในภาคตะวันออกนั้น ส่งผลให้ลิเบียสูญเสียรายได้ถึง 67.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของ NOC ที่ระบุว่า "การหยุดชะงักของการส่งออกน้ำมันดิบจากคลังน้ำมันของลิเบียซึ่งถูกขัดขวางจากกองทัพแห่งชาติลิเบีย (LNA) จนอาจจะทำให้ต้องประกาศเหตุสุดวิสัยนั้น จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อบริษัทในเครือ NOC อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และประชาชนชาวลิเบีย"
นอกจากนี้ NOC ยังระบุด้วยว่า "รายได้ต่อวันที่ลิเบียต้องสูญเสียจากการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลว รวมถึงก๊าซธรรมชาติ อยู่ที่ 67.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ" พร้อมกันนี้ NOC ยังเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการของกองทัพ LNA อีกครั้งให้ยุติการขัดขวางการทำงานและเปิดทางให้ NOC ตอบสนองบทบาทด้านเศรษฐกิจที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติในฐานะหน่วยงานของลิเบีย ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการสำรวจ การผลิตและการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เนื่องจากความล้มเหลวในการปฎิบัติหน้าที่ของ NOC จะส่งผลเสียต่อภาคพลังงานและเชื้อเพลิง โครงสร้างพื้นฐานการดำเนินงานที่สำคัญและการเงินของประเทศ
สำหรับกองทัพแห่งชาติลิเบียที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ นำโดยนายพลคาลีฟะห์ ฮาฟตาร์ ได้บุกเข้ายึดครองภูมิภาคที่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันของประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปประมาณ 500 กิโลเมตร ทางตะวันออกของกรุงตริโปลี และครอบครองท่าเทียบเรือบรรทุกน้ำมันใหญ่ที่สุดของประเทศ หลังมีชัยเหนือกลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ดังกล่าว
แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน กองทัพ LNA ส่งมอบพื้นที่แห่งนี้ให้กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียชั่วคราว เพื่อปกครองพื้นที่ฝั่งตะวันออกของประเทศ แทนที่จะเป็นรัฐบาลเอกภาพในกรุงตริโปลีที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ
ถึงแม้จะมีการลงนามข้อตกลงสนธิสัญญาสันติภาพที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติระหว่างพรรคการเมืองลิเบียในปี 2558 ประเทศลิเบียยังคงเผชิญปัญหาการแบ่งแยกทางการเมืองระหว่างรัฐบาลตะวันออกและรัฐบาลตะวันตก โดยทั้งสองฝ่ายแข่งขันกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งความถูกต้องของการบริหารประเทศตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ลิเบียซึ่งเป็นประเทศที่อุมดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันนั้น ได้ตกอยู่ในสถานะขาดความมั่นคงปลอดภัยและความวุ่นวาย นับตั้งแต่เกิดเหตุจลาจล เพื่อโค่นล้มอำนาจการปกครองของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ในปี 2554