อิหร่านปฏิเสธอีกครั้งหนึ่งที่จะทำการเจรจากับสหรัฐ โดยได้กล่าวหาสหรัฐว่าได้ใช้นโยบายที่ผิดพลาดในการดำเนินการกับอิหร่าน
"ฝ่ายอเมริกันไม่เคยกระทำด้วยความจริงใจ และการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เชิญชวนให้อิหร่านทำการเจรจา ถือเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ" นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รมว.ต่างประเทศอิหร่าน กล่าว
นายซารีฟกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์ไม่เคยสนใจต่อชาวอิหร่าน หรือข้อผูกพันที่มีต่อประชาคมโลก โดยใช้ท่าทีที่มุ่งร้ายต่ออิหร่าน ด้วยการประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่าน
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์ระบุว่าเขามีความพร้อมที่จะพบกับนายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน โดยไม่มีการตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีในวันจันทร์เพื่อออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดกั้นรัฐบาลอิหร่านในการเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ, การทำธุรกรรมในสกุลริอัลในบัญชีธนาคารระหว่างประเทศ หรือในการออกพันธบัตร, การทำธุรกรรมซื้อขายทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงถ่านหิน อลูมินัม และเหล็กสำหรับการผลิตในภาคอุตสาหกรรม และการผลิตรถยนต์ ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ หลังจากที่อิหร่านบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับมหาอำนาจทั้ง 6 ชาติในปี 2558 เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยกเลิกโครงการนิวเคลียร์
มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐประกาศในวันจันทร์ ถือเป็นมาตรการรอบแรก ก่อนที่สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรรอบ 2 ในเดือนพ.ย. ซึ่งจะพุ่งเป้าไปยังการทำธุรกรรมของธนาคารกลาง การส่งออกน้ำมัน และการขนส่งสินค้าทางเรือของอิหร่าน