นายเฉียน เค่อหมิง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า จีนได้ขยายความสัมพันธ์ในด้านการค้าและการลงทุนกับประเทศต่างๆ ตามแนวเส้นทาง Belt and Road ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
นายเฉียนระบุว่า จีนมีมูลค่าทางการค้ากับประเทศต่างๆ ตามแนวเส้นทาง Belt and Road ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมารวมกันมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 1.1% ซึ่งสวนทางกับการค้าทั่วโลกที่กำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว
ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ของจีนเปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวว่า "จีนได้กลายมาเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของ 25 ประเทศที่ตั้งอยู่แนวเส้นทางดังกล่าว โดยในช่วงเวลาดังกล่าว การลงทุนโดยตรงของจีนในประเทศเหล่านั้นเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 7.2%
นอกจากนี้ นายเฉียนยังกล่าวด้วยว่า จีนได้ตั้งเขตเศรษฐกิจและความร่วมมือทางการค้าขึ้น 82 แห่งในประเทศต่างๆ ตามแนวเส้นทาง Belt and Road ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกันทั้งสิ้น 2.89 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเขตเศรษฐกิจดังกล่าวได้ดึงดูดบริษัทต่างๆเข้ามาลงทุนเกือบ 4,000 แห่ง ช่วยสร้างงานอีก 244,000 ตำแหน่ง และเพิ่มรายได้ทางภาษีให้กับประเทศเหล่านั้นมากถึง 2 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ยังมีการลงนามและปรับปรุงข้อตกลงการค้า 5 ฉบับกับ 13 ประเทศในแนวเส้นทางดังกล่าวอีกด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โครงการริเริ่ม Belt and Road Initiative ได้เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2556 โดยมุ่งเป้าไปที่การเชื่อมโยงเครือข่ายทางการค้าและโครงสร้างพื้นฐานระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรปและแอฟริกา