เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า นายบาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีของรัสเซียได้อนุมัติให้มีการใช้แก๊สคลอรีนในปฏิบัติการถล่มฐานที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังฝ่ายกบฎ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นถึงความเป็นไปได้ที่ว่า กองทัพสหรัฐจะเปิดฉากโจมตีตอบโต้ซีเรียอีกระลอก ขณะที่ประชาชนหลายพันคนเร่งอพยพออกจากพื้นที่ที่คาดว่าจะกลายเป็นสมรภูมิเดือดในสงครามกลางเมืองระยะเวลา 7 ปี
ก่อนหน้านี้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐขู่ว่าจะโจมตีตอบโต้ประธานาธิบดีอัสซาด หากกองทัพซีเรียดำเนินการสังหารหมู่ประชาชนในเมืองอิดลิบ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียซึ่งเป็นพื้นที่หลบภัยแห่งสุดท้ายสำหรับประชาชนกว่า 3 ล้านคนและกองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอีกราว 7 หมื่นคน
อย่างไรก็ดี ความพยายามของนานาชาติในการป้องกันเหตุโจมตีในซีเรียต้องประสบกับความล้มเหลว เนื่องจากรัสเซียและอิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของประธานาธิบดีอัสซาด ให้การช่วยเหลือรัฐบาลซีเรียด้วยการโจมตีกองกำลังฝ่ายกบฎที่กำลังจะประสบกับความพ่ายแพ้ หลังจากที่กลุ่มกบฎพยายามเคลื่อนไหวขับไล่ผู้นำซีเรียออกจากตำแหน่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา โดยรัสเซียและซีเรียยกระดับปฎิบัติการโจมตีทางอากาศ ขณะที่พลเรือนหลายพันคนต้องอพยพไปยังพื้นที่ที่รัฐบาลซีเรียควบคุม นอกจากนี้ประธานาธิบดีอัสซาดยังปฎิเสธข้อเรียกร้องของสหประชาชาติ สหรัฐ ตุรกีและอีกหลายประเทศที่เตือนว่า การโจมตีอาจก่อให้เกิดวิกตด้านมนุษยธรรมครั้งใหม่ขึ้น
ด้านเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหประชาชาติกล่าวระหว่างการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสถานการณ์เมืองอิดลิบ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่า สถานการณ์ซีเรียกลับมาอยู่ในจุดที่เลวร้ายอีกครั้งหนึ่ง" ขณะที่ในตอนนี้กระทรวงกลาโหมของสหรัฐกำลังพิจารณาทางเลือกทางการทหาร แต่ปธน.ทรัมป์ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะอนุมัติโจมตีตอบโต้ด้วยปฎิบัติการทางทหารเมื่อใด อีกทั้งยังไม่ได้ตัดสินใจว่าสหรัฐจะตั้งเป้าถล่มกองทัพรัสเซียหรืออิหร่านที่ช่วยเหลือกองกำลังของผู้นำซีเรียหรือไม่