นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ลงนามในคำสั่งของฝ่ายบริหารเมื่อคืนนี้ เพื่อใช้สิทธิอำนาจในการลงโทษบุคลากรและบริษัทต่างชาติที่แทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐ โดยเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐในการจัดการกับการแทรกแซงการเลือกตั้ง
นายแดน โคทส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า คำสั่งดังกล่าวจะมอบอำนาจให้กับฝ่ายข่าวกรองในการประเมินว่า มีบุคคลต่างชาติ คณะบุคคลต่างชาติ หรือประเทศอื่นๆ แทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐหรือไม่
ขณะเดียวกัน นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางฝ่ายข่าวกรองจะทำการประเมินเป็นเวลาไม่เกิน 45 วัน หลังจากนั้น ข้อมูลที่ได้ก็จะส่งต่อให้กับกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ซึ่งจะมีระยะเวลา 45 วันในการตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรหรือไม่
นายโคทส์ ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรจะบังคับใช้โดยอัตโนมัติหากพบว่ามีการแทรกแซงจากต่างชาติ ขณะที่กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการคลังของสหรัฐ ซึ่งมีข้อมูลข่าวกรองดังกล่าวด้วยเช่นกัน อาจมีการประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม "หากมาตรการคว่ำบาตรอัตโนมัติยังไม่เพียงพอ"
มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวอาจครอบคลุมการสกัดกั้นทรัพย์สินของบุคคลและกลุ่มบุคคลภายในเขตอำนาจของสหรัฐ พร้อมสั่งห้ามไม่ให้บุคคลและกลุ่มบุคคลของสหรัฐมีการติดต่อทางธุรกิจหรือลงทุนกับบุคคลกลุ่มนี้
นายโบลตัน เปิดเผยว่า คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นเพื่อจัดการกับ "การกระทำใดๆ ที่มีเจตนาในการแทรกแซงการเลือกตั้ง" พร้อมระบุว่ามาตรการดังกล่าวไม่ได้ "เจาะจงประเทศใดประเทศหนึ่ง"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คำสั่งดังกล่าวมีขึ้นก่อนสหรัฐเปิดฉากเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพ.ย.นี้