นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยว่า กรณีการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบียนั้น อาจเป็นฝีมือของ "นักฆ่าไร้สังกัด"
ปธน.ทรัมป์กล่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวก่อนเดินทางไปรัฐฟลอริดาว่า ตนได้พูดคุยกับสมเด็จพระราชาธิบดี ซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบียเป็นเวลา 20 นาที โดยพระองค์ได้ปฏิเสธมีส่วนรู้เห็นในการหายตัวไปของนายคาช็อกกี
"พระองค์ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ" ปธน.ทรัมป์ กล่าว "ผมว่าเรื่องนี้อาจเป็นฝีมือของนักฆ่าไร้สังกัด ใครจะไปรู้กันเล่า เราจะพยายามหาสาเหตุของเรื่องนี้ให้จงได้ แต่พระองค์ทรงปฏิเสธเสียงแข็ง"
ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า "ดูเหมือนกับว่าพระองค์ และมกุฎราชกุมารเอง ไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ"
"ผมได้ขอให้นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ขึ้นเครื่องไปซาอุดีอาระเบียทันที และอาจไปที่อื่นด้วยหากจำเป็น ซึ่งเขาก็น่าจะไป แต่ในกรณีนี้ ให้เดินทางไปตุรกีหากจำเป็น" ปธน.ทรัมป์ กล่าวเสริม "สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานได้ตรัสกับผมว่า ขณะนี้ตุรกีและซาอุดีอาระเบียกำลังประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งเราจะได้เห็นกันต่อไป"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ ระบุบนทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ว่า นายคาช็อกกีไม่ได้เป็นพลเมืองสหรัฐ และ "ผมกำลังส่งรมว.ต่างประเทศเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทันที"
แถลงการณ์จากเฮเธอร์ นอเอิร์ต โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เปิดเผยว่า "ท่านประธานาธิบดีได้สั่งการให้มีการสอบสวนกรณีการหายตัวไปของนายจามาล คาช็อกกี นักข่าววอชิงตันโพสต์ อย่างทันทีและเปิดกว้าง"
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะใช้มาตรการลงโทษซาอุดีอาระเบียอย่างหนัก หากพบว่ามีส่วนรู้เห็นในการหายตัวไปของนายคาช็อกกี
ทั้งนี้ นายจามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย ได้หายตัวอย่างลึกลับหลังเข้าไปติดต่อขอรับเอกสารเตรียมแต่งงานกับคู่หมั้นชาวตุรกี ในสถานกงสุลซาอุฯ ประจำนครอิสตันบูล เมื่อวันที่ 2 ต.ค. แต่ไม่เคยมีใครเห็นเขาออกมาจากสถานกงสุลอีกเลย ท่ามกลางกระแสข่าวว่ารัฐบาลซาอุฯ อยู่เบื้องหลังการสังหารนายคาช็อคกี
นายคาช็อกกีเป็นคอลัมนิสต์ของนสพ.วอชิงตัน โพสต์ และเขาได้ลี้ภัยไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม จากการที่เขามักวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย