ประชาชนชาวอเมริกันเตรียมลงคะแนนเลือกตั้งกลางเทอมในวันพรุ่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเปรียบได้กับการลงประชามติว่าประชาชนยังคงเลือกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือไม่ หลังดำรงตำแหน่งได้สองปี
ในขณะที่ปธน.ทรัมป์พยายามหาเสียงด้วยการประกาศความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐรวมถึงท่าทีที่แข็งกร้าวในประเด็นคนเข้าเมือง อีกจุดสนใจหนึ่งอยู่ที่พรรครีพับลิกันว่าจะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสทั้งสองสภาได้หรือไม่
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผลการสำรวจล่าสุดบ่งชี้ว่า พรรครีพับลิกันจะยังคงมีอำนาจในวุฒิสภา แต่พรรคเดโมแครตอาจครองสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงแล้ว พรรคเดโมแครตก็จะมีอำนาจสกัดอำนาจนิติบัญญัติของปธน.ทรัมป์ และเปิดการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
ฝั่งพรรคเดโมแครตคาดหวังว่า ผู้ลงคะแนนที่ไม่พอใจในตัวปธน.ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงผู้หญิงที่โกรธเคืองกับถ้อยคำดูถูกผู้หญิงของปธน.ทรัมป์ และข่าวลือเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศนั้น จะทำให้ชิงอำนาจจากพรรครีพับลิกันมาได้
ทั้งนี้ การเลือกตั้งกลางเทอมจะเกิดขึ้นเมื่อประธานาธิบดีสหรัฐดำรงตำแหน่งมาได้ครึ่งทาง (2 ปี จากวาระ 4 ปี) โดยจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาบางส่วน สำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 6 พ.ย.นี้จะมีการชิงที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 435 ที่นั่ง และวุฒิสภา 35 ที่นั่ง นอกจากนี้ ยังเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 36 รัฐด้วย
ส่วนผลการสำรวจครั้งล่าสุดของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์และสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ระบุว่า ผู้ลงคะแนน 50% ต้องการให้พรรคเดโมแครตมีอำนาจในสภาผู้แทน เทียบกับพรรครีพับลิกันที่ 43% แต่ช่วงห่างดังกล่าวลดลงจากผลสำรวจเดือนต.ค.ซึ่งทิ้งช่วงห่างที่ 11%