นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฟซบุ๊ก และคณะกรรมการผู้บริหารของเฟซบุ๊ก ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้บทวิจารณ์ของหนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ที่ว่า คณะผู้บริหารของเฟซบุ๊กจงใจมองข้ามสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวจากฝั่งรัสเซียในแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก และพยายามปิดบังปัญหาดังกล่าวต่อรัฐบาลและประชาชน
แถลงการณ์ระบุว่า ความพยายามในการบ่งชี้ว่า เฟซบุ๊ก "รับรู้เกี่ยวกับการแทรกแซงของรัสเซีย อีกทั้งยังมองข้ามหรือพยายามกีดกันไม่ให้เกิดการตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง"
ขณะเดียวกัน นายซัคเคอร์เบิร์ก ได้ออกมาปกป้องบริษัทว่า ข้อกล่าวหาที่ว่าเฟซบุ๊กไม่สนใจในข้อเท็จจริงนั้นไม่ใช่เรื่องจริง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ได้เข้าให้การต่อสภาคองเกรส กรณีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน โดยซัคเคอร์เบิร์กได้กล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ตอบคำถามจากสมาชิกสภาคองเกรสด้วย
ด้านผู้บริหารเฟซบุ๊กได้ออกมายอมรับว่า เฟซบุ๊กดำเนินการช้าเกินไปและไม่ทันท่วงที ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า บัญชีเฟซบุ๊กประมาณ 3-4% เป็นบัญชีปลอม
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กต้องเผชิญผลกระทบอย่างหนัก หลังจากมีข่าวออกมาว่าแคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเอื้อประโยชน์ต่อทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 ส่งผลให้เฟซบุ๊กต้องจ้างบริษัท สตรอซ ฟรีดเบิร์ก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพิสูจน์พยานหลักฐานด้านดิจิทัลเข้ามาสืบสวนกรณีดังกล่าว