หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ได้สรุปว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เป็นผู้สั่งการให้สังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุดีอาระเบีย เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
วอชิงตัน โพสต์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า เจ้าชายคาลิด บิน ซัลมาน ซึ่งเป็นพระอนุชาของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน และดำรงตำแหน่งเอกอัคราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำสหรัฐอเมริกา ได้โทรศัพท์ถึงนายคาช็อกกี ตามคำสั่งของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด และได้บอกให้นายคาช็อกกีเดินทางไปยังสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียประจำกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี
วอชิงตัน โพสต์ระบุว่า นายคาช็อกกี คอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ซึ่งมักวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียนั้น ได้ถูกสังหารในสถานกงสุลแห่งนี้เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเจ้าชายคาลิดทราบล่วงหน้าว่านายคาช็อกกีจะถูกสังหารในสถานกงสุลหรือไม่
ทั้งนี้ เจ้าชายคาลิดทรงเปิดเผยผ่านการทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า "ข้าพเจ้าไม่เคยพูดคุยกับนายคาช็อกกีทางโทรศัพท์ และไม่เคยบอกให้เขาเดินทางไปยังตุรกี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นอกเหนือจากวอชิงตัน โพสต์แล้ว หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส ยังรายงานเช่นกันว่า CIA ได้แอบฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ซึ่งพบว่าของพระองค์พยายามจัดการให้นายคาช็อกกีเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ แม้ว่าในการสนทนาทางโทรศัพท์นั้น มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดไม่ได้ตรัสอย่างเฉพาะเจาะจงว่าให้สังหารนายคาช็อกกี แต่ CIA เชื่อว่า ปฏิบัติการสังหารนายคาช็อกกีได้รับความเห็นชอบจากมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด เนื่องจากพระองค์เป็นผู้ทรงอิทธิพลในซาอุดีอาระเบีย
ก่อนหน้านี้ นายชาลาน อัล-ชาลาน รองอัยการซาอุดีอาระเบีย ได้สั่งฟ้องผู้ต้องสงสัย 5 รายที่คาดว่ามีส่วนพัวพันการฆาตกรรมนายคาช็อกกี พร้อมกับเรียกร้องให้มีการลงโทษประหารชีวิตต่อผู้ต้องสงสัยดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายอัล-ชาลานกล่าวว่า มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายคาช็อกกีแต่อย่างใด โดยนายคาช็อกกีถูกสังหาร หลังจากที่การเจรจาเพื่อให้เขาสามารถกลับไปยังซาอุดีอาระเบียประสบความล้มเหลว และหัวหน้าฝ่ายเจรจาเป็นผู้ออกคำสั่งให้มีการสังหารนายคาช็อกกี เนื่องจากเห็นว่านายคาช็อกกีปฏิเสธที่จะออกจากสถานกงสุล