รัฐบาลญี่ปุ่นได้แสดงความกังวลถึงผลกระทบจากความขัดแย้งรุนแรงระหว่างจีนและสหรัฐที่อาจเกิดขึ้นกับการเติบโตของโลก หลังจากผู้นำของทั้งสองประเทศได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งกันและกัน ระหว่างการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) จนส่งผลให้ที่ประชุมต้องประกาศยกเลิกการออกแถลงการณ์ร่วมของประเทศสมาชิกหลังเสร็จสิ้นการประชุมเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
นายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการใหญ่ของคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระหว่างการสรุปข่าวต่อสื่อมวลชนว่า "มันสำคัญมาก ไม่ใช่แค่กับประเทศในเอเชียแต่คือทั้งโลก ที่สหรัฐและจีนซึ่งเป็นประเทศที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดและใหญ่เป็นอันสองของโลก ควรสร้างความสัมพันธ์ที่จะนำไปสู่การพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนขึ้นทั่วโลก"
นายซูกะ ซึ่งรับหน้าที่เป็นโฆษกของรัฐบาลญี่ปุ่น กล่าวต่อไปว่า "ญี่ปุ่นจะจับตาการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอย่างใกล้ชิดต่อไป และจะบอกกล่าวให้ประเทศทั้งสองตกลงกันด้วยแนวทางแก้ปัญหาที่เหมาะสม"
ทั้งนี้ ผู้นำจีนและสหรัฐได้โต้เถียงกันในประเด็นเรื่องการค้าและความมั่นคงระหว่างเข้าร่วมการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประเทศปาปัวนิวกินี
ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ ผู้นำจาก 21 ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมตัดสินใจยุติการออกแถลงการณ์ร่วมกันหลังเสร็จสิ้นการประชุม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มจัดการประชุมเอเปกขึ้นในปี 2536
นายปีเตอร์ โอนีล นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ในฐานะประธานการประชุมเอเปกประจำปีนี้ ออกมาเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ที่ประชุมเอเปกปีนี้จะไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมระหว่างผู้นำประเทศภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเดินทางมาร่วมการประชุมเอเปกที่ปาปัวนิวกินี แทนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวโจมตีจีนว่าดำเนินนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม ขณะที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนก็ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์พาดพิงถึงนโยบายกีดกันทางการค้าและการดำเนินนโยบายเพียงฝ่ายเดียวของสหรัฐในเวทีเดียวกันนี้