ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ขู่ปิดชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสกัดกั้นกลุ่มผู้อพยพจากอเมริกากลางเดินทางเข้าประเทศ
"ถ้าเราพบว่า มันถึงจุดที่เราจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือผู้คนเริ่มจะได้รับบาดเจ็บ เราจะทำการปิดทางเข้าประเทศบริเวณชายแดนทั้งหมดเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนกว่าเราจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้" ทรัมป์กล่าวต่อสื่อมวลชนที่เมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้นำสหรัฐจะใช้เวลาเพื่อพักผ่อนในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้านี้
"ผมหมายถึงชายแดนทั้งหมด" เขาระบุ "เม็กซิโก ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถยนต์ จะไม่สามารถส่งรถยนต์เข้ามาขายในสหรัฐได้"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คาราวานผู้อพยพจากฮอนดูรัส กัวเตมาลา และเอลซัลวาดอลร์ ใช้เวลานานหลายสัปดาห์ในการเดินทางจากอเมริกากลางมุ่งหน้าสู่สหรัฐ เพื่อหลบหนีการข่มเหงรังแก ความยากจนและความรุนแรงในประเทศบ้านเกิด โดยพวกเขาต้องการสถานที่ลี้ภัย
รายงานล่าสุดเปิดเผยว่า กลุ่มผู้อพยพกว่า 1,000 คน ได้เดินทางมาถึงชายแดนเมืองติฮัวนา ประเทศเม็กซิโกแล้ว ขณะที่มีกองกำลังทหารหลายพันนายประจำการอยู่บริเวณชายแดนทางตอนใต้ที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามชายแดน ตลอดจนส่งมอบความช่วยเหลือด้านการแพทย์ โลจิสติกส์ และวิศวกรรม
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า ตนได้มอบอำนาจแก่กองกำลังทหารบริเวณชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ให้ใช้กำลังอาวุธได้ หากจำเป็น
ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องประสบกับภาวะชัตดาวน์บางส่วนในช่วงต้นเดือนหน้า หลังสภาคองเกรสปฏิเสธที่จะมอบเงินทุนในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นคำสัญญาสำคัญที่นายทรัมป์ได้ให้ไว้ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2559